คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918-919/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะเรียกภาษีเพิ่มขึ้นตามความใน ม. 14 ในฐานที่ ไม่ยื่นแบบรายการภาษีนั้นไม่เป็นบทบังคับตายตัว หากแต่อยู่ในดุลยพินิจของศาลหรือเจ้าพนักงานแล้วแต่เหตุการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป การอุทธรณ์คำชี้ขาดของข้าหลวงประจำจังหวัดต้องทำโดยยื่นฟ้องต่อศาลภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ ได้รับแจ้งคำชี้ขาดข้าหลวงประจำจังหวัดทำคำสั่งในคำร้องอุทธรณ์คพสั่งของผู้เสียภาษีแล้วเรียกผู้เสียภาษีไปฟังและเซ้นทราบคำสั่ง วันหลังจึงมีหนังสือแจ้งคำสั่งมายังผู้เสียภาษีอีทีหนึ่งดังนี้ต้องถือว่าผู้เสียภาษีทราบคำสั่งโดยชอบในวันหลัง ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม. 224

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินภาษีเพิ่มและเงินเพิ่มภาษีการค้า ๒ จำนวน ๑๒๐ บาทคืนจากจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเรื่องนี้โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลเกินกว่า ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับคำชี้ขาดของจำเลย จึงขาดอายุความตาม ม. ๒๓ แห่ง พ.ร.บ. ภาษีการค้า พิพากษาให้ ให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาฟ้งข้อเท็จจริงขืนตามศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้รับแจ้งความคำชี้ขาดของจำเลยเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๔๗๙ ดังที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่ ฉะนั้นที่โจทก์ฟ้องเรื่องนี้เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๔๘๐ จึงไม่ครบ ๓๐ วัน คดีจึงไม่ขาดอายุความ ส่วนการที่จะเรียกภาษีเพิ่มหรือไม่นั้น ตาม ม. ๑๔(๓) ไม่เป็นการบังคับตายตัว ต้องแล้วแต่เหตุการณ์ตามข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ควรถูกเรียกภาษีเพิ่มจึงไม่เป็นการผิดต่ดกฎหมายจึงพิพากษาขืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยคืนเงิน ๑๒๐ บาทให้โจทก์

Share