คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174-1175/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยแกล้งใส่ความโจทก์ หาว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่และแกล้วไล่โจทก์ออกจากงานโดยโจทก์มิได้กระทำผิดตามที่จำเลยกล่าวหา ดังนี้ ถึงแม้ศาลจะสั่งให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าโจทก์มีเจตนาทุจริตทำให้จำเลยเสียหายและจำเลยไม่สืบก็ตาม แต่โจทก์ย่อมมีภาระพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำฟ้องของตนว่า จำเลยแกล้งไล่โจทก์ออกจากงาน เพราะโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงนั้น

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแกล้งสั่งไล่โจทก์ออกจากงานและปฏิเสธไม่จ่ายเงินเดือนที่ค้างจ่าย เบี้ยทดแทน เบี้ยบำนาญและเงินออมให้โจทก์ ขอให้พิพากษาจ่ายเงินเดือนเบี้ยทดแทน เบี้ยบำนาญและเงินออกเหล่านั้นให้โจทก์ และเพิกถอนคำสั่งที่ไล่โจทก์ออกจากงาน
จำเลยให้การว่า โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ผิดระเบียบข้อบังคับและวินัยอย่างร้ายแรงจำเลยจึงมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงาน โจทก์จึงหมดสิทธิรับเงินเดือนค้างจ่าย เบี้ยทดแทน เงินออม และไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำสั่งไล่ออกของจำเลยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินเดือนเบี้ยทดแทน เงินบำนาญ และเงินออมตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำสั่งไล่ออกจากงานชอบด้วยกฎหมาย แต่นางกุณฑโจทก์มีสิทธิได้รับเงินออม ๕๙๖ บาท พิพากษาแก้เฉพาะให้จำเลยจ่ายเงินออมให้นางกุณฑลโจทก์ ๕๙๖ บาท
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งไล่ออกของจำเลยชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าโจทก์มีเจตนาทุจริตทำให้จำเลยเสียหาย เมื่อจำเลยไม่สืบก็ต้องถือว่าโจทก์บริสุทธิ์นั้น เมือฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยแกล้งใส่ความโจทก์หาว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่โดยโจทก์มิได้กระทำผิดตามที่จำเลยกล่าวหา ฟ้องโจทก์จึงกล่าวอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวเพื่อสนับสนุนคำฟ้องของโจทก์ โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น ถึงแม้ว่าศาลจะสั่งให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและจำเลยไม่สืบก็ตาม
พิพากษายืน.

Share