คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391-2392/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้จัดการให้มีไฟฟ้าใช้ในที่ดินที่โจทก์จัดสรร โจทก์จ่ายเงินไปแล้วจึงขอเลิกสัญญาขอคืนเงินและเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ผลแห่งคดีที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์จะมีสิทธิเลิกสัญญาขอคืนเงินตลอดจนได้ค่าเสียหายหรือไม่ แม้ผู้ร้องจะซื้อที่ดินจัดสรรจากโจทก์ไว้ และถ้าโจทก์ชนะคดีผู้ร้องอาจเสียผลที่ไม่ได้ใช้ไฟฟ้าในที่ดินที่ซื้อจากโจทก์ตามสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับผู้ร้อง แต่ก็เป็นผลที่ผู้ร้องมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกร้องจากโจทก์โดยตรง ไม่เกี่ยวกับผลแห่งคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลย ผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) จึงร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้จำเลยดำเนินการปักเสาไฟฟ้าและจัดการให้มีไฟฟ้าใช้ในที่ดินที่โจทก์จัดสรร โจทก์จ่ายเงินให้จำเลยไปแล้ว จึงขอคืนเงินและเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าจำเลยปักเสาไฟฟ้าแล้ว แต่มีผู้ลักลอบตัดไฟเพราะไม่มีผู้ใช้ไฟฟ้า หากมีผู้ใช้จำเลยก็ดำเนินการได้ทันที โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย

ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา นายทวน ประพันธ์ และนายทวิทย์ อินทรานนท์ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมใจความว่า ผู้ร้องทั้งสองซื้อที่ดินจัดสรรจากโจทก์ไว้และชำระค่าที่ดิน ค่าทำถนน ไฟฟ้า แล้วแต่โจทก์มิได้ทำถนนไฟฟ้าให้ผู้ร้องการที่โจทก์มาฟ้องเลิกสัญญากับจำเลย หากโจทก์ชนะคดี ผู้ร้องจะไม่ได้รับประโยชน์จากผลแห่งสัญญาที่ผู้ร้องทำไว้กับโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องสอดของผู้ร้องทั้งสอง

ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ฟ้องจำเลยขอเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายผลแห่งคดีเป็นเรื่องที่โจทก์จะมีสิทธิเลิกสัญญา ขอเงินคืนตลอดจนได้ค่าเสียหายหรือไม่ ซึ่งเป็นผลโดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลย ผู้ร้องสอดเป็นบุคคลภายนอก แม้จะได้มีสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์และอาจเสียผลที่ไม่ได้ใช้ไฟฟ้าในที่ดินที่ผู้ร้องสอดซื้อจากโจทก์ก็ตาม แต่ก็เป็นผลที่ผู้ร้องมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกร้องจากโจทก์โดยตรง ไม่เกี่ยวกับผลแห่งคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ ผู้ร้องสอดทั้งสองจึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2)ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องสอดทั้งสองฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share