คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326-328/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตกลงขายที่ดินของจำเลยให้แก่กระทรวงการคลังตามที่โจทก์ผู้เป็นนายหน้าของจำเลยติดต่อให้ มิได้ขายให้แก่ ค. ตามสัญญามัดจำจะซื้อขายที่ดินที่จำเลยทำไว้กับ ค. และไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับบำเหน็จจาก ค. หรือกระทำการโดยไม่สุจริตอย่างใดจะถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จและโจทก์ได้กระทำการให้บุคคลภายนอกอันไม่สมควรแก่หน้าที่ผู้กระทำการโดยสุจริต เป็นการฝ่าฝืนต่อการที่ได้รับหน้าที่หาได้ไม่

ย่อยาว

คดี 3 สำนวนนี้ศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาพิพากษา

ทั้งสามสำนวนโจทก์ฟ้องทำนองเดียวกันว่า จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดิน และยอมให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ร้อยละยี่สิบของจำนวนเงินที่ขายที่ดินได้ โจทก์ได้ขายที่ดินให้จำเลยแล้ว จำเลยขอลดบำเหน็จ แต่ตกลงกันไม่ได้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่านายหน้าแก่โจทก์ 13,270 บาท12,977 บาท และ 12,106 บาท ตามลำดับสำนวนพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสามสำนวนให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยไม่เคยให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดิน หากฟังว่าโจทก์เป็นนายหน้า โจทก์ก็ได้ทำการให้แก่บุคคลภายนอกด้วยอันไม่ควรแก่นายหน้าผู้กระทำการโดยสุจริตพึงกระทำ เป็นการฝ่าฝืนต่อการที่โจทก์ยอมตนเข้ารับทำหน้าที่นายหน้า โจทก์หามีสิทธิได้รับค่านายหน้าอย่างใดไม่

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแต่ละสำนวนใช้เงินตามฟ้องแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง

จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสามสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสามสำนวนได้ตกลงจะให้ค่าบำเหน็จแก่โจทก์ผู้เป็นนายหน้า เพื่อชี้ช่องให้ได้เข้าทำสัญญาขายที่ดินแก่กระทรวงการคลังในอัตราร้อยละยี่สิบของราคาที่ดินที่ขายได้ และสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยกับกระทรวงการคลังได้ทำกันเสร็จเนื่องแต่ผลแห่งการที่โจทก์ได้ชี้ช่องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ขายที่ดินของจำเลยให้แก่กระทรวงการคลัง มิได้ขายให้แก่นายคล่ำ ศิริพรหม ตามสัญญามัดจำจะซื้อขายที่ดินที่จำเลยทำไว้กับนายคล่ำ ศิริพรหม ในราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานั้น และไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับค่าบำเหน็จจากนายคล่ำ ศิริพรหม หรือกระทำการโดยไม่สุจริตอย่างใด จะว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จและโจทก์ได้กระทำการให้บุคคลภายนอกอันไม่สมควรแก่หน้าที่ผู้กระทำการโดยสุจริต เป็นการฝ่าฝืนต่อการที่ได้รับหน้าที่หาได้ไม่

พิพากษายืน

Share