คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275-278/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยปลูกบ้านสร้างรั้วในที่สาธารณะหน้าที่ดินของโจทก์แต่มีทางสาธารณะจากที่ดินของโจทก์ รถยนต์ออกชายทะเลได้ไม่ถือว่าโจทก์เสียหายพิเศษ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1337 ที่จะฟ้องให้จำเลยรื้อบ้าน

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อโรงเรือนและรั้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้โจทก์กล่าวในฟ้องไว้ชัดว่าจำเลยทั้งสี่ปลูกบ้าน สร้างรั้วในที่สาธารณะและหวงห้ามเพื่อประโยชน์ของชาวประมงหัวหิน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสี่ปลูกบ้าน สร้างรั้วหน้าที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2529 ของโจทก์ ระหว่างที่ดินที่จำเลยทั้งสี่ครอบครองกับที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2529 ของโจทก์ทางด้านทิศตะวันออก มีที่ว่างระหว่างแนวเขตที่ดินด้านเหนือของที่ดินส่วนที่จำเลยที่ 4 ครอบครอง ไปจนถึงหลักเขตหมายเลข ข.17002 ในโฉนดเลขที่ 2529 และระหว่างเขตที่ดินที่จำเลยทั้งสี่ปลูกบ้านสร้างรั้วกับที่ดินโจทก์ยังมีที่ว่าง

ข้อวินิจฉัยมีว่าจำเลยทั้งสี่ปลูกบ้าน สร้างรั้วปิดบังหน้าที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2529 ของโจทก์ โจทก์เสียหายเป็นพิเศษหรือไม่” ฯลฯ

“ที่โจทก์ฎีกาว่า แม้มีทางเดินอยู่ระหว่างที่ดินโฉนดเลขที่ 2529 กับที่ดินที่จำเลยอยู่ ก็เป็นทางเดินที่จำเลยเว้นไว้ใช้เดินกันเอง เมื่อบ้านและรั้วปิดบังทางขึ้นลงสู่ทะเลซึ่งเป็นชายหาดหน้าที่ดินโจทก์ โจทก์เสียหายเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337พิเคราะห์ภาพถ่ายจำเลยอ้างหมาย ล.1 ถึง ล.7 มีทางกว้างพอที่จะขับรถยนต์ไปสู่หาดทรายชายทะเลได้ ส่วนรั้วอยู่ริมทาง จำเลยว่าเป็นทางสาธารณะ โจทก์ไม่มีพยานหักล้าง และมิได้นำสืบว่าจำเลยทั้งสี่ใช้ทางเดินกันเองและหวงห้ามมิให้บุคคลอื่นใช้ ดังนี้ เห็นว่าโจทก์สามารถใช้ทางนี้เข้าออกไปสู่หาดทรายชายทะเลได้ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เดือดร้อนเป็นพิเศษ ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสี่รื้อถอนบ้านและรั้ว”

พิพากษายืน

Share