คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14408/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 5 ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเนื่องจากเห็นว่าราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควรซึ่งเกิดจากการคบคิดกันฉ้อฉลระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการสู้ราคาหรือความไม่สุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในเรื่องราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดแล้วว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายที่ดินไปมีราคาเหมาะสมแล้วและไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาด ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 5 ซึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวให้เป็นที่สุดตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ฎีกาของจำเลยที่ 5 ที่อ้างว่ายังมีเหตุจากการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบอีกจึงไม่เป็นสาระที่จะต้องวินิจฉัย
ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดี พ.ศ.2522 ข้อที่ 68 วรรคแรก กำหนดว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์อันเป็นที่ดิน ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการปิดประกาศกำหนดวันขายทอดตลาดไว้ ณ ที่ตั้งของที่ดินที่จะทำการขายทอดตลาดนั้น และ ป.วิ.พ. มาตรา 306 บัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งแก่บรรดาผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดทราบซึ่งคำสั่งของศาลให้ขายทอดตลาดและวันขายทอดตลาดนั้น ระเบียบของกระทรวงยุติธรรมดังกล่าวข้างต้นหาได้เป็นข้อกฎหมายไม่ แต่เป็นระเบียบที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจะให้บุคคลภายนอกที่สนใจมาประมูลซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดเท่านั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการปิดประกาศขายทอดตลาดไว้ ณ ที่ดินที่ขายทอดตลาดจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบังคับคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ส่งประกาศขายทอดตลาดให้แก่โจทก์แม้จะเป็นการไม่ชอบตามมาตรา 306 อันเป็นการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่ตามคำร้องของจำเลยที่ 5 ที่อ้างเหตุดังกล่าวก็คงกล่าวอ้างแต่เพียงลอย ๆ ไม่ได้ระบุว่าจำเลยที่ 5 ต้องเสียหายเพราะเหตุดังกล่าวอย่างไร จำเลยที่ 5 จึงไม่อาจร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดซึ่งเป็นวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบกับได้ความจากผู้รับมอบอำนาจโจทก์และผู้ดูแลการขายทอดตลาดของโจทก์คดีนี้ซึ่งมาเบิกความเป็นพยานจำเลยที่ 5 ว่า แม้ฝ่ายโจทก์จะเข้าดูแลการขายทอดตลาดในครั้งนี้ก็จะไม่คัดค้านราคาเนื่องจากขายได้ราคาสูงกว่าราคาที่ฝ่ายโจทก์ได้คัดค้านราคาไว้ในการขายทอดตลาดครั้งแรกจึงเป็นที่พอใจแก่ฝ่ายโจทก์แล้ว จำเลยที่ 5 จึงไม่ได้รับความเสียหายจากการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ส่งประกาศขายทอดตลาดให้แก่โจทก์แต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะให้เพิกถอนการขายทอดตลาด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับยึดที่ดินของจำเลยที่ 5 ซึ่งติดจำนองโจทก์ออกขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา การขายทอดตลาดครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2552 เจ้าพนักงานบังคับคดีขายที่ดินโดยปลอดจำนองแก่ผู้ซื้อทรัพย์ในราคา 44,000,000 บาท
จำเลยที่ 5 ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด
ผู้ซื้อทรัพย์คัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในชั้นนี้ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดเพชรบุรีซึ่งดำเนินการบังคับคดีแทนได้ยึดที่ดิน น.ส. 3 ก. ซึ่งจำเลยที่ 5 มีชื่อเป็นผู้ถือสิทธิครอบครอง รวม 80 แปลง ตามที่ผู้แทนโจทก์แถลงขอและกำหนดราคาประเมิน 49,664,100 บาท คู่ความไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขายที่ดินดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงประกาศขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวเป็นการขายรวมกันไปโดยกำหนดราคาเริ่มต้นที่ร้อยละ 80 ของราคาประเมินเป็นเงิน 39,740,000 บาท ในการขายนัดแรกมีผู้เข้าสู้ราคา 1 รายและรับราคาเริ่มต้นของเจ้าพนักงานบังคับคดีและเป็นผู้เสนอราคาสูงสุด แต่โจทก์คัดค้านราคาที่ 43,000,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 5 คัดค้านราคาที่ 80,000,000 บาท และผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม 1 ราย คัดค้านโดยไม่กำหนดราคา เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเลื่อนการขายไปในนัดต่อไป ต่อมาผู้แทนโจทก์แถลงของดการขายทอดตลาดอ้างว่าจำเลยที่ 5 ได้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับโจทก์ และอยู่ระหว่างชำระหนี้ตามสัญญา เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีคำสั่งให้งดการขายทอดตลาด ต่อมาผู้แทนโจทก์แถลงขอให้นำทรัพย์ออกขายทอดตลาดต่อไปเนื่องจากจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีคำสั่งให้ประกาศขายที่ดินรวม 79 แปลง เนื่องจากที่ดินแปลงที่ 80 มีการร้องขอกันส่วน ในการประกาศขายนัดแรกกำหนดราคาเริ่มต้นเท่าเดิม มีผู้เข้าสู้ราคา 1 ราย คือ ผู้ซื้อทรัพย์เสนอราคา 44,000,000 บาท ไม่มีคู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียมาดูแลการขาย เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาสูงสุด
ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 5 ประการแรกว่า จำเลยที่ 5 ไม่ได้รับประกาศขายทอดตลาดทรัพย์จากเจ้าพนักงานบังคับคดี จึงไม่ทราบวันนัดขายทอดตลาดในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทรัพย์ไปหรือไม่ ข้อนี้จำเลยที่ 5 ฎีกาในทำนองว่า พยานหลักฐานของผู้ซื้อทรัพย์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ส่วนพยานหลักฐานของจำเลยที่ 5 ที่นำสืบมาน่าเชื่อถือและมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 5 ไม่ทราบวันนัดขายทอดตลาดนั้น เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไว้โดยละเอียดชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยที่ 5 ทราบวันนัดการขายทอดตลาดโดยชอบแล้ว ซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย จึงเห็นสมควรไม่วินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 5 ในข้อนี้ซ้ำอีก
ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 5 ประการต่อไปว่า คำร้องของจำเลยที่ 5 ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเนื่องจากเห็นว่าราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควร และการขายทอดตลาดทรัพย์สินในราคาต่ำเกินสมควรนั้นเกิดจากการคบคิดฉ้อฉลระหว่างผู้เกี่ยวข้องในการเข้าสู้ราคา หรือความไม่สุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่โดยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบโดยไม่ส่งประกาศขายทอดตลาดให้แก่โจทก์หรือผู้แทนทราบและไม่ปิดประกาศการขายทอดตลาด ณ ที่ดินที่ทำการขายทอดตลาดอันเป็นปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยหรือไม่ ข้อนี้จำเลยที่ 5 ฎีกาว่า คำร้องของจำเลยที่ 5 ที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าวไม่ใช่เพียงแต่อ้างเหตุเฉพาะในกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการบังคับคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจากการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ส่งประกาศขายทอดตลาดให้แก่จำเลยที่ 5 เท่านั้น แต่หมายรวมถึงเหตุที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติต่อหน้าที่โดยไม่ชอบในกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ส่งประกาศขายทอดตลาดให้โจทก์หรือผู้แทนทราบและไม่ได้ปิดประกาศการขายทอดตลาด ณ ที่ดินที่ทำการขายทอดตลาด ทำให้โจทก์หรือผู้แทนและจำเลยที่ 5 ไม่ทราบวันนัดขายทอดตลาดจึงไม่ได้ไปดูแลการขายอีกด้วยนั้น เห็นว่า แม้จะรับฟังได้ตามที่จำเลยฎีกาอ้างมาดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 5 ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเนื่องจากเห็นว่าราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควรซึ่งเกิดจากการคบคิดกันฉ้อฉลระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการสู้ราคาหรือความไม่สุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในเรื่องราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดแล้วว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายที่ดินไปมีราคาเหมาะสมแล้วและไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาด ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 5 ซึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวให้เป็นที่สุดตามมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ฎีกาของจำเลยที่ 5 ดังกล่าวที่อ้างว่ายังมีเหตุจากการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบอีกจึงไม่เป็นสาระที่จะต้องวินิจฉัย ฎีกาของจำเลยที่ 5 ข้อนี้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 5 ที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการปิดประกาศขายทอดตลาดไว้ ณ ที่ดินที่ขายทอดตลาดเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ส่งประกาศขายทอดตลาดให้แก่โจทก์หรือผู้แทนเป็นการบังคับคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนการบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง หรือไม่ ปัญหาข้อนี้จำเลยที่ 5 ฎีกาว่า ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดี พ.ศ.2522 ข้อที่ 68 วรรคแรก กำหนดว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์อันเป็นที่ดิน ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการปิดประกาศกำหนดวันขายทอดตลาดไว้ ณ ที่ตั้งของที่ดินที่จะทำการขายทอดตลาดนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวจึงเป็นเหตุให้การขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 บัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งแก่บรรดาผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดทราบซึ่งคำสั่งของศาลให้ขายทอดตลาดและวันขายทอดตลาด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ส่งประกาศขายทอดตลาดให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการขายทอดตลาด จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวนั้น เห็นว่า ระเบียบของกระทรวงยุติธรรมดังกล่าวข้างต้นหาได้เป็นข้อกฎหมายไม่ แต่เป็นระเบียบที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจะให้บุคคลภายนอกที่สนใจมาประมูลซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดเท่านั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการปิดประกาศขายทอดตลาดไว้ ณ ที่ดินที่ขายทอดตลาดจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบังคับคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ส่งประกาศขายทอดตลาดให้แก่โจทก์แม้จะเป็นการไม่ชอบตามมาตรา 306 อันเป็นการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่ตามคำร้องของจำเลยที่ 5 ที่อ้างเหตุดังกล่าวก็คงกล่าวอ้างแต่เพียงลอย ๆ ไม่ได้ระบุว่าจำเลยที่ 5 ต้องเสียหายเพราะเหตุดังกล่าวอย่างไร จำเลยที่ 5 จึงไม่อาจร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดซึ่งเป็นวิธีการบังคับคดีตามมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบกับได้ความจากผู้รับมอบอำนาจโจทก์และผู้ดูแลการขายทอดตลาดของโจทก์คดีนี้ซึ่งมาเบิกความเป็นพยานจำเลยที่ 5 ว่า แม้ฝ่ายโจทก์จะเข้าดูแลการขายทอดตลาดในครั้งนี้ก็จะไม่คัดค้านราคาเนื่องจากขายได้ราคาสูงกว่าราคาที่ฝ่ายโจทก์ได้คัดค้านราคาไว้ในการขายทอดตลาดครั้งแรกจึงเป็นที่พอใจแก่ฝ่ายโจทก์แล้ว จำเลยที่ 5 จึงไม่ได้รับความเสียหายจากการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ส่งประกาศขายทอดตลาดให้แก่โจทก์แต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตามข้ออ้างของจำเลยที่ 5 ดังกล่าวได้ ฎีกาของจำเลยที่ 5 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share