คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6798/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. กำหนดให้การขอทุเลาการบังคับ อยู่ในอำนาจของศาลเป็นชั้นๆ ไป การขอทุเลาการบังคับในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยเฉพาะ ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับภายใต้บังคับเงื่อนไขใดๆ ก็ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 231 ซึ่งเป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนดวิธีการไว้เป็นพิเศษ ไม่อยู่ในบังคับอุทธรณ์ฎีกาอย่างเรื่องอื่นๆ ผู้ร้องเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลย ผู้ร้องจึงเป็นผู้สืบสิทธิ และถือว่าเป็นคู่ความฝ่ายเดียวกับจำเลย ผู้ร้องจึงฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ซึ่งเป็นคำสั่งที่ต่อเนื่องกับคำสั่งทุเลาการบังคับของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 103876 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือให้โจทก์หาบุคคลภายนอกจัดการขนย้ายทรัพย์สินของจำเลย โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และให้จำเลยใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินเดือนละ 15,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินพิพาทและส่งมอบให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความอ้างว่า ผู้ร้องสอดเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมของจำเลย ผู้ร้องสอดให้จำเลยไปไถ่ถอนการขายฝากกับโจทก์แล้ว แต่โจทก์และจำเลยบ่ายเบี่ยง ขอให้บังคับโจทก์มารับเงินค่าไถ่ถอนการขายฝากจากผู้ร้องสอดและจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินพิพาท เพื่อผู้ร้องสอดจะได้บังคับจำเลยตามคำพิพากษาตามยอมต่อไป ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ไปจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 103876 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และรับเงินค่าไถ่ถอนการขายฝากจากผู้ร้องสอด ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยและผู้ร้องสอด โดยกำหนดค่าทนายความ 9,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์และแก้ไขอุทธรณ์พร้อมยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับ แต่ห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ได้ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนโดยเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ร้องแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551 ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพิกถอนคำสั่งห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาท
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งกำหนดให้การขอทุเลาการบังคับ อยู่ในอำนาจของศาลเป็นชั้นๆ ไป การขอทุเลาการบังคับในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยเฉพาะ ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับภายใต้บังคับเงื่อนไขใดๆ ก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 ซึ่งเป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนดวิธีการไว้เป็นพิเศษ ไม่อยู่ในบังคับอุทธรณ์ฎีกาอย่างเรื่องอื่นๆ ผู้ร้องเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลย ผู้ร้องจึงเป็นผู้สืบสิทธิ และถือว่าเป็นคู่ความฝ่ายเดียวกับจำเลย ผู้ร้องจึงฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ซึ่งเป็นคำสั่งที่ต่อเนื่องกับคำสั่งทุเลาการบังคับของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาผู้ร้อง คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่ผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share