คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6874/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยร่วมแข่งรถตามฟ้อง ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไปร่วมดูการแข่งรถ ไม่ได้เป็นผู้ร่วมแข่งรถหรือดำเนินการจัดให้มีการแข่งรถในทางหลวง จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 เมื่อประเด็นที่จำเลยฎีกายังไม่เคยหยิบยกโต้แย้งมาก่อน จึงไม่มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในส่วนที่จำเลยประสงค์จะโต้แย้ง มีผลเท่ากับว่าฎีกาของจำเลยในข้อนี้ มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (8), 134, 160 วรรคสาม, 160 ทวิ พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2522 (ที่ถูก พ.ศ.2535) มาตรา 4, 6, 39, 72 (ที่ถูก มาตรา 71) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 ริบรถยนต์ของกลาง และสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (8), 134, 160 วรรคสาม, 160 ทวิ พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 39, 71 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นและฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 เดือน และปรับ 10,000 บาท ฐานร่วมกันปิดกั้นทางหลวงหรือนำสิ่งใดมาขวางหรือวางบนทางหลวง จำคุก 2 เดือน และปรับ 10,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง รวม 2 กระทง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง และให้จำเลยทำงานบริการสังคมเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ภายในกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบรถยนต์ของกลาง พักใช้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ 6 เดือน
โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 2 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมาย รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ลงโทษปรับ ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนมีกำหนด 2 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 และไม่คุมความประพฤติ ตลอดจนไม่กำหนดเงื่อนไขให้จำเลยทำงานบริการสังคม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไปร่วมดูการแข่งรถไม่ได้ไปเป็นผู้ร่วมแข่งรถหรือดำเนินการจัดให้เกิดการแข่งรถในทางหลวงแต่อย่างไรนั้น เห็นว่า คดีนี้ จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยร่วมแข่งรถตามฟ้อง ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 เมื่อประเด็นที่จำเลยฎีกายังไม่เคยหยิบยกขึ้นโต้แย้งมาก่อน จึงยังไม่มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในส่วนที่จำเลยประสงค์จะโต้แย้ง มีผลเท่ากับว่าฎีกาของจำเลยในข้อนี้เป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share