คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9309/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานจำเลยร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 38, 74 โดยมิได้ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 78 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยโยนวัตถุระเบิดขึ้นไปบนรถโดยสารสาธารณะ การกระทำของจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ประกอบขึ้นเองไว้ในครอบครองกับฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีเจตนาในการกระทำผิดเป็นคนละอันแตกต่างกันและเป็นความผิดต่างฐานกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่กรรมเดียวกันไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91, 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 38, 74
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยที่ 1 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ระหว่างพิจารณานางสาวรัชนิดา มารดาของนายนนทิวัชร ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น และโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะ ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินคดี และค่าเสียหายอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงิน รวมเป็นเงิน 1,744,196 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยทั้งสองกระทำผิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม จำเลยที่ 1 ให้การในคดีส่วนแพ่งว่า ค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ร่วมเรียกร้องสูงเกินส่วน และไม่มีพยานหลักฐานเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีสิทธิเรียกร้องได้ทั้งหมด ขอให้ศาลใช้ดุลพินิจกำหนดค่าสินไหมทดแทน
จำเลยที่ 2 ให้การในคดีส่วนแพ่งขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 288 ประกอบมาตรา 80, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 38, 74 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยทั้งสองอายุ 19 ปี มีความรู้สึกผิดชอบแล้ว ไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละตลอดชีวิต ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 4 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง ลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง ลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 8 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 27 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 35 ปี 12 เดือน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 1,224,196 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิด (วันที่ 28 พฤษภาคม 2557) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิด เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยทั้งสองคนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53, 76 แล้ว จำคุกคนละ 25 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพและทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง และจำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 12 ปี 6 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 16 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า วันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ประกอบขึ้นเองไว้ในครอบครอง แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันโยนวัตถุระเบิดดังกล่าวขึ้นไปบนรถโดยสารสาธารณะ (รถสองแถว) สาย 36 และเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้นายนนทิวัชร ผู้ตาย ถึงแก่ความตาย นางสาวสริตา ผู้เสียหายที่ 1 และนายสุวัฒน์ ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กาย การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองสถานหนักนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้จากการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยทั้งสอง อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และยังคงให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละเกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 1 อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดีคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ เห็นว่า การกระทำของจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ประกอบขึ้นเองไว้ในครอบครองกับฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีเจตนาในการกระทำผิดเป็นคนละอันแตกต่างกันและเป็นความผิดต่างฐานกัน แม้จำเลยทั้งสองกับพวกจะร่วมกันใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวโยนขึ้นไปบนรถยนต์โดยสาร การกระทำของจำเลยทั้งสองก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่กรรมเดียวกันไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น กับความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 สำหรับความผิดฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง เมื่อลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยทั้งสองคนละกึ่งหนึ่งแล้ว จำคุกคนละ 2 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง และจำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้ว เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 13 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 17 ปี 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share