คำสั่งศาลฎีกาที่ 2065/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินพิพาทตั้งอยู่ในเขตปกครองของโจทก์ จำเลยก่อตั้งสำนักสงฆ์ในที่ดินพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 50 (9) ประกอบด้วย พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 122 และระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ.2553 ข้อ 6 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สิน และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ 27985 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนจำปา หมู่ที่ 2 ตำบลสามัคคีพัฒนา อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร หากไม่สามารถรื้อถอนได้ให้ตกเป็นส่วนควบกับที่ดิน และห้ามจำเลยกับบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าวอีก
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ 27985 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนจำปา หมู่ที่ 2 ตำบลสามัคคีพัฒนา อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร หากจำเลยไม่ขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปหรือหากไม่สามารถรื้อถอนได้ให้ตกเป็นส่วนควบกับที่ดิน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นว่า ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินที่พิพาทจากทางราชการ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิก่อตั้งสำนักสงฆ์และอยู่ในที่ดินพิพาท เมื่อที่ดินพิพาทตั้งอยู่ในเขตปกครองของเทศบาลตำบลสามัคคีพัฒนาโจทก์ และจำเลยก่อตั้งสำนักสงฆ์ในที่ดินพิพาทตามรูปแผนที่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 50(9) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 122 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ.2553 ข้อ 6 วรรคสอง พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า การที่นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามัคคีพัฒนานำคดีมาฟ้องโดยไม่ได้รับความยินยอมเห็นชอบจากสภาเทศบาลตำบลสามัคคีพัฒนา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้วินิจฉัยไว้ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลฎีกา คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share