แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถึงแก่ความตายก่อนโจทก์ฟ้องคดีจึงไม่มีสภาพบุคคลในขณะโจทก์ยื่นฟ้อง โจทก์มิอาจยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลได้ ฟ้องของโจทก์และกระบวนพิจารณานับแต่ศาลชั้นต้นรับฟ้องมาจึงมิชอบ แต่เมื่อรับฟ้องไว้แล้ว จึงต้องจำหน่ายคดี
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 19201 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมกับส่งมอบสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 226/1 หมู่ที่ 10 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในสภาพเรียบร้อย กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท ต่อมาโจทก์ขอให้บังคับคดีแก่จำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า นางวิเชียร ผู้ร้องที่ 1 และนายมนัส บริวารจำเลยยังคงอยู่ในที่ดินพิพาท ขอให้มีคำสั่งจับกุมและกักขังนางวิเชียร และนายมนัส ศาลชั้นต้นออกหมายจับ
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการปฏิบัติตามคำบังคับ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องทั้งสอง คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่ผู้ร้องทั้งสอง
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 และส่งสำนวนคืน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ และฎีกา ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงภายหลังในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 604/2547 ของศาลจังหวัดชลบุรี ซึ่งโจทก์ จำเลยและผู้ร้องทั้งสองในคดีนี้เป็นบุคคลเดียวกับคู่ความในคดีดังกล่าว ตามคำร้องของผู้ร้องที่ 1 ฉบับลงวันที่ 19 สิงหาคม 2558 ประกอบเอกสารท้ายคำร้องว่า จำเลยถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2542 โดยโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยที่ 4 ในคดีดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้าน ดังนั้น ขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2545 จำเลยจึงไม่มีสภาพบุคคลในขณะโจทก์ยื่นฟ้อง โจทก์มิอาจยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลได้ ฟ้องของโจทก์และกระบวนพิจารณา นับแต่ศาลชั้นต้นรับฟ้องมาจึงมิชอบ แต่เมื่อรับฟ้องไว้แล้ว จึงต้องจำหน่ายคดี
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้จำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ