คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1774/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภายหลังจาก ห. เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ส. สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของ ห. พูดคุยกับ จ. ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของ ห. ว่า เกี่ยวกับทรัพย์มรดกของ ห. ให้จัดการทำบุญให้เรียบร้อยเสียก่อน หลังจากนั้น จ. ไปหา ส. ปีละ 3 ถึง 4 ครั้ง แต่ละครั้ง ส. ได้มอบข้าวสารแก่ จ. และก่อน ส. ถึงแก่ความตาย ส. บอกแก่ จ. ว่า หาก ส. ถึงแก่ความตายแล้ว ให้ จ. จัดการเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของ ห. ได้ ข้อเท็จจริงยังได้ความต่อไปว่า จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ดำเนินการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 11467 ให้จำเลยเฉพาะส่วนของ ส. ในส่วนที่ดินพิพาทยังเป็นชื่อของ ห. เช่นเดิม แสดงว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ยอมรับสิทธิในการรับมรดกที่ดินพิพาทของทายาทของ ห. นอกจากนี้ หลังจากฟ้องคดีนี้ ทายาทบางส่วนของ ส. ทำหนังสือมอบอำนาจมีเนื้อความทำนองให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทแก่ทายาทของ ห. ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า ส. และจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกซึ่งเป็นตัวแทนทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของ ส. สละประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/24 แล้ว จำเลยไม่อาจยกอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคหนึ่ง ขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ ห. ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยนำโฉนดที่ดินเลขที่ 114467 (ที่ถูก โฉนดที่ดินเลขที่ 11467) ตำบลหนองลาด อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เนื้อที่ 18 ไร่ 3 งาน 73 ตารางวา จดทะเบียนแบ่งแยกโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนของนางหนูเดินเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 86 ตารางวา ให้แก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหนูเดิน ถ้าจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่เฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนางหนูเดินให้แก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหนูเดิน
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยนำโฉนดที่ดินเลขที่ 11467 ตำบลหนองลาด อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ไปจดทะเบียนแบ่งแยกโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน 93.25 ตารางวา ให้แก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางหนูเดิน วิธีการแบ่งให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 คำขออื่นให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า การดำเนินการจดทะเบียนแบ่งแยกโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11467 ให้จำเลยดำเนินการในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเสกสรรค์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 11467 ตำบลหนองลาด อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เนื้อที่ 18 ไร่ 3 งาน 73 ตารางวา มีชื่อนายเสกสรรค์หรือกดกับนางหนูเดินซึ่งเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมและเป็นสินสมรสของบุคคลทั้งสองตามสำเนาโฉนดที่ดินและสำเนาข้อมูลทะเบียนครอบครัว ทั้งสองไม่มีบุตรด้วยกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 นางหนูเดินถึงแก่ความตาย ขณะนางหนูเดินถึงแก่ความตาย นางหนูเดินมีทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกเพียง 2 คน คือ นายจิ พี่ชาย และนายเสกสรรค์ หลังจากนั้นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2551 นายเสกสรรค์ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางหนูเดินตามคำร้องขอของนายจิ และมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายเสกสรรค์ตามพินัยกรรมของนายเสกสรรค์ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคหนึ่ง หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้นอกจากข้อเท็จจริงจะได้ความจากคำเบิกความของพยานโจทก์ปากนายจิ ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนางหนูเดินที่เบิกความว่า ภายหลังจากนางหนูเดินถึงแก่ความตายนายเสกสรรค์ได้พูดกับพยานว่า เกี่ยวกับทรัพย์มรดกของนางหนูเดินนั้นให้จัดการทำบุญให้กับนางหนูเดินเรียบร้อยเสียก่อน พยานได้ไปหานายเสกสรรค์ที่บ้านปีละประมาณ 3 ถึง 4 ครั้ง แต่ละครั้งนายเสกสรรค์ได้มอบข้าวสารให้พยาน ก่อนนายเสกสรรค์ถึงแก่ความตายนายเสกสรรค์ได้พูดคุยกับพยานว่า หากนายเสกสรรค์ถึงแก่ความตายแล้วให้พยานจัดการเกี่ยวกับทรัพย์มรดกในส่วนที่เป็นของนางหนูเดินได้ ข้อเท็จจริงยังได้ความจากสารบัญจดทะเบียนของโฉนดที่ดินเลขที่ 11467 ว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเสกสรรค์ได้ดำเนินการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 11467 ให้จำเลยเฉพาะส่วนที่เป็นของนายเสกสรรค์ ในส่วนที่ดินพิพาทยังเป็นชื่อนางหนูเดินเช่นเดิม แสดงว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเสกสรรค์ยอมรับสิทธิในการรับมรดกที่ดินพิพาทของทายาทนางหนูเดิน หลังจากฟ้องคดีนี้แล้ว ทายาทบางส่วนของนายเสกสรรค์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจมีเนื้อหาในทำนองให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่ทายาทของนางหนูเดิน จากข้อเท็จจริงข้างต้นเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่านายเสกสรรค์และจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดก ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายเสกสรรค์ได้สละประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/24 แล้วจำเลยจึงไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share