คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11556/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญมีความรับผิดอย่างไม่จำกัดและ ป.พ.พ. มาตรา 1038 วรรคหนึ่ง บัญญัติห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งมีสภาพดุจเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างโดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ แตกต่างจากผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนรับจะลงหุ้นในห้าง และตาม ป.พ.พ. มาตรา 1090 ผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดจะประกอบกิจการค้าขายอย่างใด ๆ เพื่อประโยชน์ของตนหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกก็ได้ แม้ว่าการงานเช่นนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างเดียวกับการค้าขายของห้างก็ไม่ห้าม ดังนั้น แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดอาจไต่ถามการงานของห้างหุ้นส่วนจำกัด ตรวจดูและคัดสมุดบัญชี เอกสารของห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ทุกเมื่อตาม ป.พ.พ. มาตรา 1037 ประกอบมาตรา 1080 แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่ามีเหตุสมควรหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป เมื่อจำเลยให้การว่า โจทก์มีตำแหน่งในการบริหารห้างหุ้นส่วนจำกัดอยู่ด้วย ย่อมทราบกิจการงานของห้างอยู่แล้ว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้โดยจำเลยปฏิเสธว่าโจทก์ไม่เคยขอจำเลยตรวจสอบเอกสารตามฟ้องมาก่อนโจทก์มีจุดประสงค์เพื่อให้จำเลยเสียหาย เสียชื่อเสียงทางการค้า เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงต้องฟังพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายให้ทราบข้อเท็จจริงเสียก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยยินยอมให้โจทก์ไต่ถาม ตรวจคัดสำเนาสมุดบัญชี เอกสารใด ๆ อาทิ สมุดบัญชีแสดงรายรับ จ่าย เอกสารประกอบการบันทึกทางบัญชีทุกเล่มทุกฉบับ ทุกรอบระยะเวลาบัญชี สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารทุกแห่งทุกบัญชีที่เกี่ยวข้องกับรายรับ จ่าย เอกสารรายละเอียดต่างๆ ในการดำเนินกิจการรวมถึงเอกสารที่เป็นลูกหนี้และเจ้าหนี้บุคคลอื่น เอกสารรายรับ จ่าย ที่แสดงและไม่แสดงต่อหน่วยงานรัฐทุกเล่มทุกฉบับที่มีอยู่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดพรเกษม นับแต่โจทก์และจำเลยเข้าร่วมหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดพรเกษมถึงปัจจุบัน และเอกสารแสดงรายการทรัพย์สินทั้งหมดของห้างหุ้นส่วนจำกัดพรเกษม ที่ระบุรายละเอียด ชนิด ประเภทของทรัพย์สิน รวมทั้งสถานะของทรัพย์สินนับแต่เริ่มครอบครองถึงปัจจุบัน
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีไม่จำต้องสืบพยาน จึงให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้สิทธิในการไต่ถาม ตรวจคัดสำเนาสมุดบัญชี เอกสารทางบัญชีทั้งหมด สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารทุกบัญชีที่เกี่ยวข้องกับรายรับ-รายจ่าย เอกสารในการดำเนินกิจการ รวมถึงเอกสารที่แสดงการเป็นลูกหนี้และเจ้าหนี้บุคคลอื่น เอกสารรายรับ – จ่าย ที่แสดงและไม่แสดงต่อหน่วยงานรัฐทั้งหมดที่มีอยู่จริงของห้างหุ้นส่วนจำกัดพรเกษม นับแต่โจทก์และจำเลยเริ่มเข้าร่วมหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน และเอกสารแสดงรายการทรัพย์สินทั้งหมดของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวที่ระบุรายละเอียด ชนิด ประเภทของทรัพย์สิน รวมทั้งสถานะของทรัพย์สินนับแต่เริ่มครอบครองถึงปัจจุบันได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1037 ประกอบด้วยมาตรา 1080 ห้ามจำเลยปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าวของโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้ตกเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีชอบหรือไม่โดยโจทก์ฎีกาว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1037 ให้สิทธิผู้เป็นหุ้นส่วนไต่ถามถึงกิจการงานของห้างหุ้นส่วนได้ทุกเมื่อ และมีสิทธิตรวจ คัดสำเนาสมุดบัญชี เอกสารใด ๆของห้างหุ้นส่วนได้ ข้อกล่าวอ้างของจำเลยว่า จำเลยไม่ได้จัดการงานของห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยไม่โปร่งใส จึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่าผู้เป็นหุ้นส่วนจะใช้สิทธิตรวจสอบได้หรือไม่ เป็นเพียงเหตุที่โจทก์อ้างถึงความประสงค์ใช้สิทธิตรวจสอบเพราะจำเลยอ้างว่ากิจการขาดทุน ข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง คำให้การ และคำแถลงของโจทก์และจำเลยได้ความแล้วว่าจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดพรเกษม ส่วนโจทก์เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด หากมีการสืบพยานข้อเท็จจริงก็ไม่เป็นอย่างอื่น จึงไม่จำต้องมีการสืบพยานนั้นเห็นว่า ตามมาตรา 1037 ที่บัญญัติในหมวด 2 ห้างหุ้นส่วนสามัญ ส่วนที่ 2 ความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันเองว่า “ถึงแม้ว่าผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายได้ตกลงให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนก็ดี ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนนอกจากผู้จัดการย่อมมีสิทธิที่จะไต่ถามถึงการงานของห้างหุ้นส่วนที่จัดอยู่นั้นได้ทุกเมื่อ และมีสิทธิที่จะตรวจและคัดสำเนาสมุดบัญชีและเอกสารใดๆ ของห้างหุ้นส่วนได้ด้วย” โดยมาตรา 1080 ของหมวด 3 ห้างหุ้นส่วนจำกัด บัญญัติให้นำมาใช้บังคับแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วยก็ตามแต่ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญมีความรับผิดอย่างไม่จำกัดและมาตรา 1038 วรรคหนึ่ง บัญญัติห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งมีสภาพดุจเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ แตกต่างจากผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนรับจะลงหุ้นในห้าง และตามมาตรา 1090 ผู้เป็นหุ้นส่วนดังกล่าวจะประกอบกิจการค้าขายอย่างใดๆ เพื่อประโยชน์ของตนหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกก็ได้ แม้ว่าการงานเช่นนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างเดียวกับการค้าขายของห้างหุ้นส่วนก็ไม่ห้าม ดังนั้น แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดอาจไต่ถามการงานของห้างหุ้นส่วนจำกัด ตรวจดูและคัดสมุดบัญชี เอกสารของห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ทุกเมื่อแต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่ามีเหตุสมควรหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป เมื่อจำเลยให้การว่า โจทก์มีตำแหน่งในการบริหารห้างหุ้นส่วนจำกัดอยู่ด้วย ย่อมทราบกิจการงานของห้างหุ้นส่วนจำกัดอยู่แล้ว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้โดยจำเลยปฏิเสธว่าโจทก์ไม่เคยขอจำเลยตรวจสอบเอกสารตามฟ้องมาก่อนโจทก์มีจุดประสงค์เพื่อให้จำเลยเสียหาย เสียชื่อเสียงทางการค้า เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ดังนี้ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายให้ทราบข้อเท็จจริงเสียก่อน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share