คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13320/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกับ ท. มีเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด ให้แก่สายลับ แต่ได้ความจากทางนำสืบโจทก์ว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ให้แก่ ท. โดยไม่ปรากฏว่า จำเลยทราบว่า ท. จะนำเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไปจำหน่ายให้แก่สายลับ จึงเห็นได้ว่า การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่าง ท. กับสายลับไม่เกี่ยวข้องกับจำเลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับ ท. จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด ให้แก่สายลับ และแม้ได้ความว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ให้แก่ ท. แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาดังกล่าวแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญ ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ ท. ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง อย่างไรก็ดีการที่จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ ท. แสดงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลาง 10 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกับพวกมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อได้ความว่าจำเลยกับ ท. ต่างคนต่างครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางในช่วงเวลาต่างกันซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ประกอบกับโจทก์บรรยายฟ้องประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่พิจารณาได้ความตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 3 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 6 ปี 8 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า สิบตำรวจโทอดุลย์ เจ้าพนักงานตำรวจกองกำกับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 กรุงเทพมหานคร ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีชายวัยรุ่นลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน บริเวณโรงพยาบาล จึงรายงานให้ร้อยตำรวจเอกไพศาล ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาทราบ จากการสืบสวนทราบว่า นายทรงภพ เป็นผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ร้อยตำรวจเอกไพศาลนัดหมายให้สิบตำรวจโทอดุลย์และสิบตำรวจโทไกรศักดิ์กับพวกเข้าประชุมวางแผนจับกุมนายทรงภพ โดยให้สิบตำรวจโทอดุลย์ปลอมตัวเป็นผู้ติดต่อล่อซื้อเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด จากนายทรงภพ ในราคาเม็ดละ 300 บาท เป็นเงิน 3,000 บาท ตกลงกันให้นายทรงภพหักเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด เป็นค่าจ้าง เมื่อนายทรงภพจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สิบตำรวจโทอดุลย์ ร้อยตำรวจเอกไพศาลกับพวกร่วมกันจับกุมนายทรงภพได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า จากการสอบถามนายทรงภพได้ความว่า นายทรงภพซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาจากจำเลย และต่อมาร้อยตำรวจเอกไพศาลกับพวกจับกุมจำเลยได้ที่บริเวณใต้อาคาร 491 และนำตัวนายทรงภพกับจำเลยพร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด สำเนาธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อ โทรศัพท์พีซีทีหมายเลข 0 2955 7420 กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อโนเกีย หมายเลข 08 9984 3262 เป็นของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย พนักงานอัยการฟ้องนายทรงภพกับจำเลยต่อศาลชั้นต้นทั้งสองฐานความผิดนั้น นายทรงภพให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อย.200/2550 ส่วนจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นให้แยกฟ้องเป็นคดีใหม่ โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยร่วมกับนายทรงภพกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสามปากเบิกความสอดคล้องกันมีรายละเอียดสมเหตุสมผลไม่มีสาเหตุที่จะกลั่นแกล้งปรักปรำจำเลย ประกอบกับโจทก์ยังมีพันตำรวจโทคม พนักงานสอบสวน เบิกความยืนยันว่า ร้อยตำรวจเอกไพศาลกับพวกควบคุมตัวจำเลยกับนายทรงภพพร้อมของกลางไปให้พยานสอบสวน ทั้งจำเลยกับนายทรงภพต่างให้การตรงกันว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายทรงภพ หลังจากนั้นนายทรงภพนำไปจำหน่ายให้แก่สิบตำรวจโทอดุลย์ ตามบันทึกคำให้การผู้ต้องหาสอดคล้องกับคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสามปากดังกล่าว ที่จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนโดยไม่สมัครใจและถูกพนักงานสอบสวนบังคับให้ลงชื่อนั้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจทำร้ายร่างกายบังคับให้รับสารภาพ ทั้งพันตำรวจโทคมเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นพนักงานสอบสวนไปตามอำนาจหน้าที่และไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่า จะเบิกความหรือทำหลักฐานปรักปรำจำเลย เชื่อว่าจำเลยให้การไว้ในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจ พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ให้แก่นายทรงภพแล้ว นายทรงภพนำเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไปจำหน่ายต่อให้แก่สิบตำรวจโทอดุลย์ซึ่งปลอมตัวเป็นสายลับไปล่อซื้อ โดยมอบเมทแอมเฟตามีนให้ 9 เม็ด อีก 1 เม็ด หักเป็นค่าจ้างไปซื้อเมทแอมเฟตามีนตามที่นายทรงภพตกลงไว้กับสิบตำรวจโทอดุลย์ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกับนายทรงภพมีเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด ให้แก่สายลับ แต่ได้ความจากทางนำสืบของโจทก์เพียงว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ให้แก่นายทรงภพ โดยโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นว่า จำเลยทราบว่านายทรงภพจะนำเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไปจำหน่ายให้แก่สายลับ จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นได้ว่า การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างนายทรงภพกับสายลับไม่เกี่ยวข้องกับจำเลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับนายทรงภพจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 9 เม็ด ให้แก่สายลับ และแม้ได้ความว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ให้แก่นายทรงภพ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาดังกล่าวแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายทรงภพตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง อย่างไรก็ดีการที่จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายทรงภพ แสดงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 10 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย แม้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกับพวกมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อได้ความว่าจำเลยกับนายทรงภพต่างคนต่างครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางในช่วงเวลาต่างกันซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ประกอบกับโจทก์บรรยายฟ้องประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกับนายทรงภพมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share