แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฎีกาของจำเลยที่ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์และไม่มีเจตนากระทำความผิด ซึ่งขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยและไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ขณะเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักไปมีราคา 30,400 บาท เท่ากับจำนวนเงินที่ผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงมีสิทธิเรียกร้องราคารถจักรยานยนต์ที่สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดคืนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 เป็นเงิน 30,400 บาท ไม่ใช่ 80,000 บาทตามฟ้อง เมื่อจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้รับประกันภัยซึ่งรับช่วงสิทธิจากผู้เสียหายและผู้รับประกันภัยไม่ติดใจเรียกร้องทั้งทางแพ่งและทางอาญาอีก จำเลยจึงไม่จำต้องชำระราคาในส่วนที่ขาดเป็นเงิน 49,600 บาท เพราะมิฉะนั้นผู้เสียหายย่อมได้กำไรเกินกว่าราคาที่สูญเสียไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และให้จำเลยคืนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ หมายเลขทะเบียน วงว กทม 207 หรือใช้ราคาเป็นเงิน 80,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน สำหรับคำขอให้จำเลยคืนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ หมายเลขทะเบียน วงว กทม 207 ปรากฏว่าจำเลยได้ชดใช้เงินแก่บริษัทผู้รับประกันภัย 30,400 บาท แล้ว กรณีจึงไม่อาจคืนรถจักรยานยนต์ดังกล่าวได้ แต่เห็นสมควรให้ใช้ราคาส่วนที่ขาดเป็นเงิน 49,600 บาท แก่ผู้เสียหาย คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ราคารถจักรยานยนต์ส่วนที่ขาดเป็นเงิน 49,600 บาท แก่ผู้เสียหายชอบหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า บริษัทศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับประกันภัย รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน วงว กทม 207 โดยมีผู้เสียหายเป็นผู้ให้เช่าซื้อ เมื่อรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวสูญหาย บริษัทผู้รับประกันภัยได้ชำระราคารถให้แก่ผู้เสียหายแล้ว ซึ่งเป็นการชำระราคารถจักรยานยนต์ทั้งคัน บริษัทผู้รับประกันภัยจึงรับช่วงสิทธิจากผู้เสียหาย การที่จำเลยชำระเงินให้แก่บริษัทผู้รับประกันภัยเป็นเงิน 30,400 บาท และบริษัทผู้รับประกันภัยไม่ติดใจเรียกร้องทางแพ่งและทางอาญาอีก จึงเป็นการชำระราคาเต็มจำนวนแล้วนั้น เห็นว่า ผู้รับมอบอำนาจผู้เสียหายแถลงต่อศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 ว่า ผู้เสียหายได้รับค่าสินไหมทดแทนกรณีรถจักรยานยนต์สูญหายจากบริษัทประกันภัยแล้ว ต่อมาวันที่ 13 สิงหาคม 2556 จำเลยยื่นคำให้การว่า จำเลยได้ชำระค่าเสียหายให้แก่บริษัทศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้รับช่วงสิทธิจากผู้เสียหายที่ได้รับค่าสินไหมทดแทนกรณีรถจักรยานยนต์สูญหายจากบริษัทประกันภัยไปแล้ว บริษัทดังกล่าวได้รับเงินจากจำเลยจนเป็นที่พอใจและไม่ประสงค์ติดใจเอาความกับจำเลยอีก ตามใบเสร็จรับเงินเอกสารท้ายคำให้การ ศาลชั้นต้นได้สำเนาคำให้การดังกล่าวให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ไม่คัดค้านให้ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น ดังนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุรถจักรยานยนต์มีราคา 30,400 บาท เท่ากับจำนวนเงินที่บริษัทศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ชดใช้ให้แก่ผู้เสียหาย ดังนี้ ผู้เสียหายจึงมีสิทธิเรียกร้องราคารถจักรยานยนต์ที่สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดคืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 เป็นเงิน 30,400 บาท ไม่ใช่ 80,000 บาทตามฟ้อง เพราะมิฉะนั้นผู้เสียหายย่อมได้กำไรเกินกว่าราคาที่สูญเสียไป เมื่อบริษัทศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย และจำเลยชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่บริษัทศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย จำกัด (มหาชน) แล้ว จำเลยจึงไม่จำต้องใช้ราคารถจักรยานยนต์ส่วนที่ขาดเป็นเงิน 49,600 บาท แก่ผู้เสียหาย ตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อสุดท้ายว่า มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า การลักรถจักรยานยนต์สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อยซึ่งต้องอาศัยรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการเดินทาง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยชดใช้ราคารถจักรยานยนต์ให้แก่บริษัทศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย จำกัด(มหาชน) และชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายตามใบเสร็จรับเงินและหนังสือรับรองการชำระหนี้ก็ตาม แต่การชดใช้ดังกล่าวเป็นความรับผิดทางแพ่งที่จำเลยต้องรับผิดต่อบริษัทศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และผู้เสียหายอยู่แล้ว ส่วนที่จำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูมารดา ก็ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์