แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีการส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางโดยชอบแล้ว แม้ต่อมาจำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำพิพากษาศาลแรงงานกลางต่อศาลฎีกาซึ่งอาจมีผลถึงจำเลยที่ 1 ที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย และจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ แต่ศาลฎีกามีคำสั่งว่า ได้มีคำพิพากษาแล้วจึงไม่จำต้องสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับ มีผลเท่ากับศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ดังนั้นการเริ่มต้นบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางยังคงดำเนินต่อไป คำบังคับของศาลแรงงานกลางที่ให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามคำพิพากษาจึงมีผลใช้บังคับอยู่ ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง จึงไม่จำต้องออกคำบังคับให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามคำพิพากษาซ้ำอีก เมื่อระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับล่วงพ้นไปแล้ว การที่ศาลแรงงานกลางออกหมายบังคับคดีจึงเป็นไปตามขั้นตอนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 276 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 แล้ว ไม่มีเหตุที่จะให้เพิกถอนหมายบังคับคดี
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่  ๑  ในฐานะลูกจ้างของโจทก์และจำเลยที่  ๒  ในฐานะผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่  ๑  ร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นเงิน  ๒๕๙,๓๔๘  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  ๗.๕  ต่อปี  นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์  จำเลยที่  ๑  ขาดนัดและขาดนัดพิจารณา  จำเลยที่  ๒  ให้การต่อสู้คดี  ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว  พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน  ๒๕๙,๓๔๘  บาท  พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ  ๗.๕  ต่อปี  นับถัดจากวันฟ้อง  (วันที่  ๑๙  มีนาคม  ๒๕๔๗)  เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
   	ศาลแรงงานกลางออกคำบังคับลงวันที่  ๒๗  สิงหาคม  ๒๕๔๗  บังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามคำพิพากษาแก่โจทก์ภายใน  ๑๕  วัน  นับแต่วันได้รับคำบังคับเป็นต้นไป  ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำบังคับภายในระยะเวลาหรือเงื่อนไขดังกล่าว  จะต้องถูกยึดทรัพย์หรือถูกจับและจำขังดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  และส่งคำบังคับให้จำเลยที่  ๑  โดยมีผู้รับไว้แทนเมื่อวันที่  ๓๑  สิงหาคม  ๒๕๔๗  ส่วนจำเลยที่  ๒  ส่งคำบังคับให้ไม่ได้
   	จำเลยที่  ๒  อุทธรณ์คำพิพากษาศาลแรงงานกลางต่อศาลฎีกา  ต่อมาศาลฎีกาพิพากษายืน  ศาลแรงงานกลางได้ออกคำบังคับให้จำเลยที่  ๒  ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาภายใน  ๑๕  วัน  และส่งคำบังคับให้จำเลยที่  ๒  โดยมีผู้รับไว้แทน  เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามคำบังคับแล้วจำเลยทั้งสองมิได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา  ศาลแรงงานกลางได้ออกหมายบังคับคดีลงวันที่  ๑๑  พฤศจิกายน  ๒๕๕๑  ตามคำร้องขอของโจทก์
   	จำเลยที่  ๒  ยื่นคำร้องลงวันที่  ๗  ธันวาคม  ๒๕๕๓  ขอให้ศาลแรงงานกลางเพิกถอนหมายบังคับคดี  อ้างว่ายังไม่ได้มีการส่งคำบังคับกำหนดระยะเวลาให้จำเลยที่  ๑  ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาเสียก่อน
   	ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว  เห็นว่า  มีการส่งคำบังคับให้จำเลยที่  ๑  โดยชอบแล้วตั้งแต่วันที่  ๓๑  สิงหาคม  ๒๕๔๗  ต้องถือว่าจำเลยที่  ๑  ทราบคำบังคับโดยชอบด้วยกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  มาตรา  ๒๗๒  และมาตรา  ๒๗๓  ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.๒๕๒๒  มาตรา  ๓๑  กรณีจึงไม่มีเหตุตามคำร้อง  ให้ยกคำร้อง
   	จำเลยที่  ๒  อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
   	ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่  ๒  ว่ามีเหตุที่จะเพิกถอนหมายบังคับคดีหรือไม่  เห็นว่า  เมื่อมีการส่งคำบังคับให้จำเลยที่  ๑  ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางโดยชอบแล้วตั้งแต่วันที่  ๓๑  สิงหาคม  ๒๕๔๗  แม้ต่อมาจำเลยที่  ๒  จะได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลแรงงานกลางต่อศาลฎีกาซึ่งอาจมีผลถึงจำเลยที่  ๑  ที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย  และได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับตามคำร้องลงวันที่  ๗  กันยายน  ๒๕๔๗  ไว้ด้วยก็ตาม  แต่ศาลฎีกามีคำสั่งว่า  ได้มีคำพิพากษาแล้วจึงไม่จำต้องสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับดังกล่าว  มีผลเท่ากับว่าศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา  ดังนั้นการเริ่มต้นบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางยังคงดำเนินต่อไป  คำบังคับของศาลแรงงานกลางที่ให้จำเลยที่  ๑  ปฏิบัติตามคำพิพากษาจึงมีผลใช้บังคับอยู่  ทั้งต่อมาปรากฏว่าศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางโดยมิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด  จึงไม่จำต้องออกคำบังคับให้จำเลยที่  ๑  ปฏิบัติตามคำพิพากษาซ้ำอีก  เมื่อระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับได้ล่วงพ้นไปแล้ว  การที่ศาลแรงงานกลางออกหมายบังคับคดีจึงเป็นการออกหมายบังคับคดีที่เป็นไปตามขั้นตอนดังที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา  ๒๗๖  วรรคหนึ่ง  แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่นำมาใช้กับคดีแรงงานโดยอนุโลม  ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.๒๕๒๒  มาตรา  ๓๑  กรณีไม่มีเหตุที่จะให้เพิกถอนหมายบังคับคดี  ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่  ๒  ลงวันที่  ๗  ธันวาคม  ๒๕๕๓  นั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา  อุทธรณ์ของจำเลยที่  ๒  ฟังไม่ขึ้น
   	พิพากษายืน
