คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7332/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่โจทก์ซื้อรถยนต์จากบริษัทผู้ขายรถยนต์ซึ่งได้ทำสัญญาประกันภัยกับจำเลยผู้รับประกันภัยก่อนโจทก์ชำระราคารถยนต์ โดยมีตัวแทนจำหน่ายของบริษัทผู้ขายรถเป็นผู้ชำระค่าเบี้ยประกันภัย และระบุชื่อโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงในการซื้อขายรถยนต์ระหว่างโจทก์กับบริษัทผู้ขายรถยนต์ จำเลยย่อมทราบดีว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยตามกรมธรรม์ประกันภัย โจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่เอาประกันภัย จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 3,243,324 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 2,840,556 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 2,840,556 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 กันยายน 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยรับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ฉ 6747 กรุงเทพมหานคร (ป้ายแดง) ซึ่งต่อมาได้รับหมายเลขทะเบียน พห 3355 กรุงเทพมหานคร ระยะเวลาประกันภัย 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2540 ถึงวันที่ 3 มิถุนายน 2541 ซึ่งระบุว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัย เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2541 ระหว่างอายุสัญญาประกันภัย รถยนต์คันดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน พห 8612 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย โจทก์ชำระค่าซ่อมแซมรถยนต์จำนวน 2,840,556 บาท ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2541
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่เอาประกันภัย เห็นว่า ตามตารางกรมธรรม์ระบุว่าทำเอกสารวันที่ 18 มิถุนายน 2540 และมีการชำระเบี้ยประกันในวันดังกล่าว แม้โจทก์ชำระราคารถยนต์คันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2540 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังวันทำสัญญาประกันภัย แต่ก็ได้ความจากนายศักดาตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์ซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุจากบริษัทวิวมอเตอร์สปอร์ต จำกัด มีการแถมประกันภัยชั้น 1 ให้ ผู้ชำระเบี้ยประกันคือนายมนต์ชัย ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทวิวมอเตอร์สปอร์ต จำกัด ตามพยานหลักฐานดังกล่าวเชื่อว่า ขณะที่โจทก์ซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุจากบริษัทวิวมอเตอร์สปอร์ต จำกัด ได้มีการทำสัญญาประกันภัยกับจำเลยผู้รับประกันภัยก่อนแล้วโดยนายมนต์ชัยตัวแทนจำหน่ายของบริษัทวิวมอเตอร์สปอร์ต จำกัด และได้ระบุชื่อโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัย เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงในการซื้อขายรถยนต์ระหว่างโจทก์กับบริษัทวิวมอเตอร์สปอร์ต จำกัด และนายมนต์ชัยเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย ซึ่งขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่านายมนต์ชัยตัวแทนจำหน่ายของบริษัทวิวมอเตอร์สปอร์ต จำกัด ได้ทำสัญญาประกันภัยดังกล่าวแทนโจทก์ และจำเลยผู้รับประกันภัยยอมผูกพันต่อโจทก์โดยจำเลยระบุชื่อโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ทั้งภายหลังเกิดเหตุเมื่อโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทน จำเลยคงปฏิเสธเพียงว่า นายวิสุทธิ์ ผู้ขับรถยนต์ในขณะเกิดเหตุไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ กรณีเป็นการผิดเงื่อนไข ข้อ 3.9.2 ตามตารางกรมธรรม์ จำเลยจึงไม่สามารถรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้ โดยจำเลยมิได้ปฏิเสธว่า ขณะทำสัญญาประกันภัยโจทก์มิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และมิได้มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่เอาประกันภัย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยทราบแล้วว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาในปัญหานี้มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share