แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การจดรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ให้เพิกถอนการบวกโทษเป็นไม่บวกโทษนั้น ถือเป็นการแก้ไขคำพิพากษา เพราะทำให้ผลของคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับโทษของจำเลยเปลี่ยนแปลงไป มิใช่เป็นกรณีที่มีข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อย ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 143 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 58, 83, 335, 336 ทวิ, 357 ริบชะแลงของกลาง และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 1,012,000 บาท แก่ผู้เสียหาย บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 36/2588 ของศาล จังหวัดพิจิตร เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ นับโทษจำเลยทั้งสามในคดีนี้ ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2956/2549 ของศาลชั้นต้น นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2896/2549 ของศาลชั้นต้น และนับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 197/2550 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพฐานรับของโจร และรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษและนับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 4 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี ริบชะแลงของกลาง ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 1,012,000 บาท แก่ผู้เสียหายและให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 36/2548 ของศาลจังหวัดพิจิตร เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 9 เดือน นับโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2896/2549 หมายเลขแดงที่ 181/2550 ของศาลชั้นต้น ส่วนคำขอให้นับโทษจำเลยทั้งสามต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2956/2549 และ 197/2550 ของศาลชั้นต้น ให้ยกเนื่องจากคดีดังกล่าวศาลยังมิได้มีคำพิพากษายกฟ้องสำหรับข้อหาลักทรัพย์
ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งให้บวกโทษของจำลเยที่ 1 เนื่องจากได้บวกโทษในคดีอื่นแล้ว
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอในส่วนที่ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 1,012,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหายนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นได้บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 36/2548 ของศาลจังหวัดพิจิตร เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 181/2550 ของศาลชั้นต้นแล้ว จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในคดีดังกล่าวมาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ได้อีกนั้น เห็นว่า แม้ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 25 มีนาคม 2551 จะปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ตรวจสอบการบอกโทษของจำเลยที่ 1 ตามหนังสือของเรือนจำจังหวัดนนทบุรี พบว่ามีการบวกโทษไม่ถูกต้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งบวกโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 36/2548 ของศาลจังหวัดพิจิตร ออกจากคดีนี้แล้วก็ตาม เห็นว่า การจดรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ให้เพิกถอนการบวกโทษเป็นไม่บวกโทษเป็นไม่บวกโทษนั้น ถือเป็นการแก้ไขคำพิพากษา เพราะทำให้ผลของคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับโทษของจำเลยที่ 1 เปลี่ยนแปลงไป มิใช่เป็นกรณีที่มีข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อย ศาลชั้นต้นกระทำมิได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 จึงให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 25 มีนาคม 2551 ที่มีคำสั่งให้เพิกถอนการบวกโทษเสีย และเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโทษของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 36/2548 ของศาลจังหวัดพิจิตร นั้น ถูกนำไปบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีอื่นแล้ว ก็ไม่อาจนำมาบวกกับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้อีก ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ให้บวกโทษจำคุกของจำเลยที 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 36/2548 ของศาลจังหวัดพิจิตร นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1