คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3562/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. มาตรา 50 บัญญัติว่า ถ้าคู่ความฝ่ายใด หรือบุคคลใดจะต้องลงลายมือชื่อในรายงานใดเพื่อแสดงรับรู้รายงานนั้น หรือจะต้องลงลายมือชื่อในเอกสารใดเพื่อรับรองการอ่านหรือการส่งเอกสารเช่นว่านั้น (2) ถ้าคู่ความหรือบุคคลที่จะต้องลงลายมือชื่อในรายงานดังกล่าวแล้ว ลงลายมือชื่อไม่ได้ หรือไม่ยอมลงลายมือชื่อ ให้ศาลทำรายงานจดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อเช่นนั้นไว้แทนการลงลายมือชื่อ ตามบทบัญญัติดังกล่าว การลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาเป็นการแสดงการรับรู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อหน้าศาลในการพิจารณาคดีในครั้งนั้น ๆ การที่คู่ความไม่ลงลายมือชื่อ และศาลไม่ได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อเช่นนั้นไว้แทนการลงลายมือชื่อย่อมมีผลทำให้รายงานกระบวนพิจารณาในครั้งนั้น ๆ ใช้ไม่ได้เท่านั้น แต่ไม่ทำให้กระบวนการพิจารณาที่เกิดขึ้นต่อหน้าศาลโดยชอบต้องเสียไปเพราะเหตุดังกล่าว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นละเลยไม่ได้จดแจ้งเหตุที่ทนายจำเลยร่วมไม่ลงลายมือชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาจึงนับว่าเป็นความบกพร่องของศาลชั้นต้นเอง หาทำให้กระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นโดยชอบต้องเสียหายไปเพราะเหตุดังกล่าว อีกทั้งไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยร่วมได้โต้แย้งคัดค้านการที่โจทก์ทั้งหกและจำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน นอกจากนั้น หากทนายจำเลยร่วมเห็นว่า ทนายจำเลยร่วมไม่เคยแถลงขอถอนคำร้องจากการเป็นจำเลยร่วมและการที่ศาลชั้นต้นจดแจ้งรายงานกระบวนพิจารณาไม่ตรงกับความเป็นจริงอันจะถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ทนายจำเลยร่วมก็ชอบที่จะยกข้อคัดค้านเรื่องผิดระเบียบขึ้นกล่าวอ้างภายใน 8 วัน หลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้แก่โจทก์ทั้งหกและจำเลยได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 แต่ทนายจำเลยร่วมก็หาได้กระทำไม่ กรณีจึงต้องถือว่า ทนายจำเลยร่วมแถลงขอถอนคำร้องจากการเป็นจำเลยร่วมแล้ว และเมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตจำเลยร่วมจึงไม่มีฐานะเป็นคู่ความในคดีอีกต่อไป เมื่อโจทก์ทั้งหกและจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมกัน ศาลชั้นต้นจึงไม่จำต้องสอบถามถึงความยินยอมจากจำเลยร่วม ประกอบกับการทำสัญญาประนีประนอมระหว่างโจทก์ทั้งหกและจำเลยก็มิได้กระทบกระทั่งถึงสิทธิในกรรมสิทธิ์รวมของจำเลยร่วมแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ทั้งหกฟ้องขอให้จำเลยไปจดทะเบียนนิติกรรมแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินตามโฉนดเลขที่ 1308 ตำบลวัดชลอ (บางกรวยฝั่งใต้) อำเภอบางกรวย (บางใหญ่) จังหวัดนนทบุรี ตามสัดส่วนในแนวเขตที่ครอบครองตามภาพจำลองรูปแผนที่ตามสิทธิของแต่ละคนแก่โจทก์ทั้งหา หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมในการรังวัดและจดทะเบียนทำนิติกรรมแบ่งแยกโฉนดที่ดินดังกล่าวกับโจทก์ทั้งหกและผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมคนอื่นตามส่วน
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างการพิจารณา นายบุญสืบยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ในวันนัดพร้อม โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 ทนายโจทก์ทั้งหก ทนายจำเลยและทนายจำเลยร่วมมาศาล ทนายจำเลยร่วมแถลงขอถอนคำร้องจากการเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต โจทก์ทั้งหกและจำเลยจึงตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยไปทำการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมร่วมกับโจทก์ทั้งหก เพื่อขอออกโฉนดที่ดินตามแผนที่เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 4 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี (สาขาบางใหญ่) ภายใน 20 วัน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หากจำเลยไม่ไปดำเนินการภายในกำหนดให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา โจทก์ที่ 3 ยินยอมให้จำเลยมีสิทธิอาศัยในที่ดินของโจทก์ที่ 3 ซึ่งเป็นส่วนด้านหลังบ้านที่เป็นครัวและห้องน้ำของจำเลยที่ล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ 3 ได้ตลอดชีวิตของจำเลย โดยจำเลยจะไม่ทำการดัดแปลงและต่อเติมห้องน้ำและครัว หากจำเลยขายที่ดินแปลงของจำเลยให้แก่ผู้อื่น จำเลยยินยอมรื้อบ้านในส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ 3 ทันที ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ
จำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยร่วมว่าคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือไม่ จำเลยร่วมฎีกาว่า จำเลยร่วมไม่เคยแถลงขอถอนคำร้องจากการเป็นจำเลยร่วม จำเลยร่วมจึงยังเป็นคู่ความในคดี การตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ทั้งหกและจำเลยจึงต้องได้รับความยินยอมจากจำเลยร่วมด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏจากรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 15 มีนาคม 2547 ว่า ในวันนัดพร้อมทนายจำเลยร่วมแถลงขอถอนคำร้องจากการเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต แต่ทนายจำเลยร่วมไม่ได้ลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาและศาลชั้นต้นก็มิได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อไว้ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 50 บัญญัติว่า ถ้าคู่ความฝ่ายใด หรือบุคคลใดจะต้องลงลายมือชื่อในรายงานใดเพื่อแสดงรับรู้รายงานนั้น หรือจะต้องลงลายมือชื่อในเอกสารใดเพื่อรับรองการอ่านหรือการส่งเอกสารเช่นว่านั้น (2) ถ้าคู่ความหรือบุคคลที่จะต้องลงลายมือชื่อในรายงานดังกล่าวแล้ว ลงลายมือชื่อไม่ได้ หรือไม่ยอมลงลายมือชื่อให้ศาลทำรายงานจดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อเช่นนั้นไว้แทนการลงลายมือชื่อ ตามบทบัญญัติดังกล่าว การลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาเป็นการแสดงการรับรู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อหน้าศาลในการพิจารณาคดีในครั้งนั้น ๆ การที่คู่ความไม่ลงลายมือชื่อ และศาลไม่ได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อเช่นนั้นไว้แทนการลงลายมือชื่อย่อมมีผลทำให้รายงานกระบวนพิจารณาในครั้งนั้น ๆ ใช้ไม่ได้เท่านั้น แต่ไม่ทำให้กระบวนการพิจารณาที่เกิดขึ้นต่อหน้าศาลโดยชอบต้องเสียไปเพราะเหตุดังกล่าว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นละเลยไม่ได้จดแจ้งเหตุที่ทนายจำเลยร่วมไม่ลงลายมือชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาจึงนับว่าเป็นความบกพร่องของศาลชั้นต้นเอง หาทำให้กระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นโดยชอบต้องเสียหายไปเพราะเหตุดังกล่าว อีกทั้งไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยร่วมได้โต้แย้งคัดค้านการที่โจทก์ทั้งหกและจำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน นอกจากนั้น หากทนายจำเลยร่วมเห็นว่าทนายจำเลยร่วมไม่เคยแถลงขอถอนคำร้องจากการเป็นจำเลยร่วมและการที่ศาลชั้นต้นจดแจ้งรายงานกระบวนพิจารณาไม่ตรงกับความเป็นจริงอันจะถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ทนายจำเลยร่วมก็ชอบที่จะยกข้อคัดค้านเรื่องผิดระเบียบขึ้นกล่าวอ้างภายใน 8 วัน หลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้แก่โจทก์ทั้งหกและจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แต่ทนายจำเลยร่วมก็หาได้กระทำไม่ กรณีจึงต้องถือว่า ทนายจำเลยร่วมแถลงขอถอนคำร้องจากการเป็นจำเลยร่วมแล้ว และเมื่อศาลชั้นต้นอนุญาต จำเลยร่วมจึงไม่มีฐานะเป็นคู่ความในคดีอีกต่อไป เมื่อโจทก์ทั้งหกและจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมกัน ศาลชั้นต้นจึงไม่จำต้องสอบถามถึงความยินยอมจากจำเลยร่วมประกอบกับการทำสัญญาประนีประนอมระหว่างโจทก์ทั้งหก และจำเลยก็มิได้กระทบกระทั่งถึงสิทธิในกรรมสิทธิ์รวมของจำเลยร่วมแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้แก่โจทก์ทั้งหกและจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share