คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7384/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าก่อนจำเลยขุดดินเมื่อปี 2534 จำเลยได้ทำความตกลงกับโจทก์ว่าหากโจทก์ต้องการใช้ประโยชน์ในที่ดินเมื่อใด จำเลยจะถมที่ดินให้แก่โจทก์ ดังนั้น ปัญหาว่าก่อนปี 2534 มีบ่อปลาในที่ดินของโจทก์อยู่แล้วหรือไม่จึงเป็นประเด็นสำคัญเนื่องจากต้องนำมาประกอบการพิจารณาว่าจำเลยได้ตกลงกับโจทก์ดังที่โจทก์กล่าวอ้างหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า บ่อปลาในที่ดินของโจทก์มีมาก่อนปี 2534 ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าก่อนจำเลยขุดดินในที่ดินของโจทก์เมื่อปี 2534 จำเลยได้ตกลงกับโจทก์ก่อนแล้วว่าจะถมที่ดินให้โจทก์ เมื่อโจทก์ต้องการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ จึงรับฟังไม่ได้ เนื่องจากโจทก์สืบไม่สมฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยถมดินในที่ดินโฉนดเลขที่ 171986 อำเภอบางพลี (พระโขนง) จังหวัดสมุทรปราการ ของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม ให้จำเลยทำกำแพงกันดินในช่วงแนวเขตที่ดินของโจทก์กับบ่อน้ำนอกเขตที่ดินของโจทก์ตลอดแนวหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 960,000 บาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ 9,000 บาท แก่โจทก์ตั้งแต่เดือนกันยายน 2543 เป็นต้นไปจนกว่าโจทก์ปลูกบ้านเสร็จและย้ายเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านดังกล่าว
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยถมดินในที่ดินโฉนดเลขที่ 171986 อำเภอบางพลี (พระโขนง) จังหวัดสมุทรปราการ ให้อยู่ในสภาพเดิม ให้จำเลยทำกำแพงกันดินในช่วงแนวเขตที่ดินของโจทก์ต่อกับบ่อน้ำนอกเขตที่ดินของโจทก์ตลอดแนว หากจำเลยไม่สามารถถมดินและทำกำแพงกันดินให้ใช้ค่าถมดิน 440,000 บาท ค่าทำกำแพงกันดิน 520,000 บาทรวมเป็นเงิน 960,000 บาท แก่โจทก์ กับให้ใช้ค่าเสียหายเป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ4,000 บาท นับแต่เดือนตุลาคม 2543 จนถึงเดือนธันวาคม 2544 ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 20,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณปี 2534 จำเลยได้ขุดที่ดินทำบ่อปลาเข้ามาในเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 171986 ของโจทก์ และจำเลยได้ให้คำมั่นสัญญาแก่โจทก์ว่าโจทก์จะปลูกสร้างบ้านในที่ดินของโจทก์เมื่อใด จำเลยจะถมดินที่ขุดเป็นบ่อปลาให้กลับคืนดังเดิม ในชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความว่า เมื่อประมาณปี 2534 จำเลยได้ขุดดินเข้ามาในที่ดินแปลงดังกล่าวของโจทก์ ก่อนขุดดินจำเลยบอกโจทก์ว่าขุดดินเข้ามาในที่ดินของโจทก์เพื่อทำบ่อตกปลาและจะทำร้านอาหารเพื่อบริการแก่ลูกค้าที่มาตกปลา โดยจำเลยตกลงว่าหากโจทก์จะทำประโยชน์หรือปลูกสร้างบ้านในที่ดินของโจทก์เมื่อใด จำเลยจะถมที่ดินของโจทก์ให้เป็นดังเดิม ตามคำฟ้องและคำเบิกความของโจทก์ดังกล่าวมีความหมายว่าก่อนที่จำเลยจะขุดดินในที่ดินของโจทก์เพื่อทำบ่อปลานั้น โจทก์และจำเลยได้ตกลงกันแล้วว่าโจทก์ยอมให้จำเลยใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ทำบ่อปลา หากโจทก์ต้องการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์เมื่อใด จำเลยจะถมที่ดินให้แก่โจทก์ ดังนั้น ปัญหาว่าก่อนปี 2534 มีบ่อปลาในที่ดินของโจทก์อยู่แล้วหรือไม่จึงเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากต้องนำมาประกอบการพิจารณาว่าจำเลยได้ตกลงกับโจทก์ดังที่โจทก์กล่าวอ้างหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าบ่อปลาในที่ดินของโจทก์มีมาตั้งแต่ก่อนปี 2534 ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าก่อนจำเลยขุดดินในที่ดินของโจทก์เมื่อปี 2534 จำเลยได้ตกลงกับโจทก์ก่อนแล้วว่าจะถมที่ดินให้โจทก์เมื่อโจทก์ต้องการใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ จึงรับฟังไม่ได้เนื่องจากโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ฎีกาข้ออื่นของโจทก์และคำแก้ฎีกาของจำเลยที่ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลเห็นควรให้เป็นพับ

Share