แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์มีเพียง 558,545.54 บาท ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 13,962.50 บาท จึงให้คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกินมาแก่จำเลย และเมื่อจำเลยเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ในส่วนคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้มาแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในส่วนอุทธรณ์คำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งรวมอยู่ในคำฟ้องอุทธรณ์ฉบับเดียวกันอีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 784,875 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 682,500 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การและฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลสำหรับฟ้องแย้งให้แก่จำเลย และต่อมาพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้โจทก์จำนวน 517,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ และพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์มีเพียง 558,545.54 บาท ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 13,962.50 บาท จึงให้คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกินมาแก่จำเลย และเมื่อจำเลยเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ ในส่วนคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้มาแล้ว จำเลยหาจำต้องเสียค่าขึ้นศาลในส่วนอุทธรณ์คำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งรวมอยู่ในคำฟ้องอุทธรณ์ฉบับเดียวกันมาอีก ที่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลในส่วนอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การมา 200 บาท จึงเป็นการเสียที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด ให้คืนค่าศาลในส่วนนี้แก่จำเลยเช่นกัน
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เสียเกินมาแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ