แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การพิจารณาสั่งคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอนุญาตหรือยกคำร้องก็ตาม หาใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีไม่ ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาคนเดียวจึงมีอำนาจพิจารณาสั่งได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 (1)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 8,276,265 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 31 มกราคม 2541 ถึงวันที่ 16 มีนาคม 2544 ซึ่งเป็นวันฟ้อง และอัตราร้อยละ 13 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระแล้วเสร็จแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้ให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวไม่เกินจำนวน 1,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 31 มกราคม 2541 ถึงวันฟ้อง และอัตราร้อยละ 13 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระแล้วเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 105411, 213773 และ 213774 ตำบลลาดพร้าว อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 และที่ 2 และที่ดินโฉนดเลขที่ 33501 ตำบลบางพลัด (บางบำหรุ) อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 3 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ ถ้าได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามขายทอดตลาดชำระหนี้ตามส่วนความรับผิดจนครบถ้วน กับให้ร่วมกันชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์พร้อมยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
วันที่ 1 ตุลาคม 2547 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ ครั้นวันที่ 7 ตุลาคม 2547 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอยกเลิกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งฉบับลงวันที่ 1 ตุลาคม 2547 และขอใช้คำร้องอุทธรณ์คำสั่งฉบับใหม่แทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ยังอยู่ในระหว่างระยะเวลาอุทธรณ์ จึงอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยกเลิกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งฉบับลงวันที่ 1 ตุลาคม 2547 และใช้คำร้องอุทธรณ์คำสั่งฉบับที่ยื่นใหม่วันนี้แทนได้
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในคำร้องและในคำร้องอุทธรณ์คำสั่งฉบับลงวันที่ 7 ตุลาคม 2547 และมีคำสั่งใหม่เป็นให้ยกคำร้องและไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งฉบับลงวันที่ 7 ตุลาคม 2547 ของจำเลยที่ 1 ค่าคำร้องเป็นพับ ส่วนค่าขึ้นศาล 200 บาท ให้คืนแก่จำเลยที่ 1 กับให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ ให้คืนค่าคำร้อง 40 บาท แก่จำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 มีว่า ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษานายเดียวมีอำนาจพิจารณาสั่งคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่หรือไม่ ปัญหานี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ก็มีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้ และเห็นว่า การพิจารณาสั่งคำร้องดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการอนุญาตหรือยกคำร้องก็ตาม หาใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีไม่ ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาคนเดียวจึงมีอำนาจพิจารณาสั่งได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 25 (1) ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งมานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ คำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ คำร้องอุทธรณ์คำสั่งหรือฎีกาคำสั่ง ตลอดจนการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถานี้ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย (เดิม) ที่จำเลยที่ 1 เสียค่าคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ค่าคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ ค่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง และค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา โดยที่ศาลล่างทั้งสองมิได้สั่งคืนให้ถูกต้องครบถ้วนนั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษายืน ให้คืนเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลชั้นขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาทั้งสามศาลในส่วนที่ศาลล่างยังไม่ได้สั่งคืนแก่จำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ