คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7268/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จำเลยจะมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ต่อเมื่อคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์มอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องคดีโดยฝ่าฝืนข้อบังคับที่กำหนดให้ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์จะต้องปฏิบัติกิจการในหน้าที่ด้วยตนเอง เว้นแต่ข้อบังคับหรือมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมจะกำหนดให้มอบหมายให้ผู้อื่นทำแทนได้ กรณีนี้ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังกล่าว คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับอำนาจฟ้องหาได้กระทบกระเทือนต่อสิทธิของจำเลยแต่ประการใดไม่จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 805,825.75 บาท พร้อมด้วยค่าสินไหมทดแทนหรือค่าปรับในอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือน ของต้นเงิน 647,900
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า นายสมบูรณ์ เกียรติเทพขจร ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์มอบอำนาจให้นายทนงศักดิ์ ดวงจักร ณ อยุธยา เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแก่จำเลยตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.3 แล้วนายทนงศักดิ์แต่งทนายความยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เรียกให้จำเลยชำระเงินค่าใช้จ่ายบริการส่วนกลางของนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์พร้อมเบี้ยปรับ จำเลยต่อสู้คดีอ้างว่า โจทก์ไม่มีอำนาจที่จะมอบอำนาจให้นายทนงศักดิ์เป็นผู้ฟ้องคดีแทน และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระค่าใช้จ่ายบริการส่วนกลางและเบี้ยปรับได้ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า นายสมบูรณ์ไม่มีอำนาจที่จะมอบอำนาจให้นายทนงศักดิ์เป็นผู้ฟ้องคดีแทน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น ให้ยกฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลยังจะต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นว่า โจทก์มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระเงินค่าใช้จ่ายบริการส่วนกลางและเบี้ยปรับต่อไปหรือไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นกรณีไม่อาจวินิจฉัยประเด็นอื่นในคำฟ้องต่อไปได้อุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ว่า คดีนี้ยังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับอำนาจในการจัดเก็บค่าใช้จ่ายบริการส่วนกลางรายเดือนและเบี้ยปรับของโจทก์อันเป็นสาระสำคัญแห่งคดีที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับคู่ความ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจำเลย เนื่องจากโจทก์ยังคงให้จำเลยปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าใช้จ่ายบริการส่วนกลางรายเดือน เห็นว่า คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จำเลยจะมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ต่อเมื่อคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นมีผลกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดี แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์มอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องคดีโดยฝ่าฝืนข้อบังคับที่กำหนดให้ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์จะต้องปฏิบัติกิจการในหน้าที่ด้วยตนเอง เว้นแต่ข้อบังคับหรือมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมจะกำหนดให้มอบหมายให้ผู้อื่นทำแทนได้ ซึ่งกรณีนี้ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังกล่าว ดังนี้ คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับอำนาจฟ้องดังกล่าว หาได้กระทบกระเทือนต่อสิทธิของจำเลยแต่ประการใดไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้จำเลยฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยเป็นการไม่ชอบ จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ (2) (ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงเป็นการเสียเกินมา”
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาส่วนที่เกิน 200 บาท ให้แก่จำเลย

Share