คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3320/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การอายัดเป็นการที่ศาลมีคำสั่งห้ามลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้งดเว้นการจำหน่ายสิทธิเรียกร้องและห้ามบุคคลภายนอกมิให้ชำระเงินหรือส่งมอบสิ่งของให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา แต่ให้ชำระหรือส่งมอบแก่เจ้าพนักงานบังคับคดี แม้โจทก์จะใช้คำว่า อายัด ผิดพลาดก็ไม่ถือเป็นสาระสำคัญ ศาลย่อมพิจารณาจากลักษณะอันแท้จริงตามกฎหมายของกรณีนั้นๆ ว่าที่ถูกต้องแล้วเป็นการยึดหรืออายัด
โจทก์ชำระเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นตาม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มาตรา 43 ซึ่งเป็นการชำระเงินค่าภาษีอากรตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 39 เงินจำนวนดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินซึ่งต้องห้ามมิให้ยึดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1307 ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ตามกฎหมายย่อมไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 285 (4) ซึ่งนำมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาด้วยโดยอนุโลมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 259 โจทก์จึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ยึดเงินดังกล่าวก่อนพิพากษาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 254 ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าขอให้ศาลเพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภ.ร.ด. 8 เล่มที่ 1 เลขที่ 41 ของจำเลยที่ 1 ใบแจ้งคำชี้ขาด ภ.ร.ด. 11 เล่มที่ 1 เลขที่ 1 กับขอให้กำหนดค่ารายปีของโรงเรือนที่ไม่มีเครื่องจักร 6,252,283.44 บาท ค่ารายปีของโรงเรือนที่มีเครื่องจักร 10,532,700 บาท และค่ารายปีของเครื่องจักร 20,514,617 บาท รวมต้องชำระภาษี 2,075,173.67 บาท หรือนำเอาอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐรวม 5 แห่ง มาถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นหรือนำดัชนีราคาผู้บริโภคของกองดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มาเป็นเกณฑ์เพิ่มค่ารายปี ประจำปีภาษี 2544 และให้จำเลยที่ 1 รับเงินค่าภาษีที่ศาลได้กำหนดขึ้นใหม่แทน ให้จำเลยที่ 1 คืนเงินภาษีส่วนที่เกินจำนวน 87,445,757.01 บาท แก่โจทก์ ภายในกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวจนกว่าจำเลยที่ 1 จะชำระเสร็จแก่โจทก์ พร้อมยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ขอให้อายัดเงินจำนวน 87,445,757.01 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าค่าภาระภาษีโรงเรือนและที่ดินที่จำเลยที่ 1 สมควรจะได้รับ
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาคำร้องแล้ว มีคำสั่งว่าเงินจำนวนที่โจทก์ขอให้อายัดเป็นเงินค่าภาษีที่โจทก์ต้องชำระให้แก่จำเลยที่ 1 จึงจะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาล กรณีมิใช่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่โจทก์จะขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 (1) ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นผับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์จะขออายัดเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจำนวน 87,445,757.01 บาท ได้หรือไม่ ข้อนี้ โจทก์ฎีกาว่าคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาของโจทก์อยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 (1) และตามคำร้องมีเหตุสมควรเพียงพอที่จะนำวิธีการชั่วคราวมาบังคับใช้ เห็นว่า การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อายัดเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินพิพาทนั้น แท้จริงแล้วกรณีตามคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องการยึด มิใช่การอายัด เพราะการอายัดนั้นเป็นการที่ศาลมีคำสั่งห้ามลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้งดเว้นการจำหน่ายสิทธิเรียกร้องและห้ามบุคคลภายนอกมิให้ชำระเงินหรือส่งมอบสิ่งของให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา แต่ให้ชำระหรือส่งมอบแก่เจ้าพนักงานบังคับคดี แต่แม้โจทก์จะใช้คำว่า อายัดผิดพลาดหรือใช้ไขว้เขวก็ไม่ถือเป็นสาระสำคัญ ศาลย่อมพิจารณาจากลักษณะอันแท้จริงตามกฎหมายของกรณีนั้นๆ ว่า ที่ถูกต้องแล้วเป็นการยึดหรืออายัด ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์ชำระเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มาตรา 43 ซึ่งเป็นการชำระเงินค่าภาษีอากรตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 39 เงินจำนวนดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินซึ่งต้องห้ามมิให้ยึดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1307 ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ตามกฎหมายย่อมไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285 (4) ซึ่งนำมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาด้วยโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 259 โจทก์จึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ยึดเงินดังกล่าวก่อนพิพากษาได้ คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาของโจทก์จึงไม่อยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share