แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุรา อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (2), 160 วรรคสาม กับการที่จำเลยขับรถโดยประมาทแซงรถที่อยู่ข้างหน้าไปในหน้าไปในช่องเดินรถขวามือในขณะที่ผู้ตายขับสวนมา เป็นเหตุให้ชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายเสียหายและทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291 และ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (4), 157 นั้น เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องและเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว ต้องลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91, 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 157, 160 และจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 1 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ในข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 706/2548 หมายเลขแดงที่ 674/2548 ภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดรอการลงโทษจำคุกไว้ในคดีดังกล่าว จำเลยกลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีก อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ขอให้บวกโทษของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2) (4), 157, 160 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กาย (ที่ถูก ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและฐานขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน) เป็นกรรมเดียวกัน ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี ฐานขับรถในขณะเมาสุรา จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 1 เดือน บวกโทษจำคุก 1 เดือน ที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 674/2548 ของศาลชั้นต้น รวมจำคุก 2 ปี 2 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอบวกโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 674/2548 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษคดีนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า สมควรลงโทษจำเลยสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า ในส่วนความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น จำเลยขับรถยนต์กระบะบรรทุกในขณะที่จำเลยเมาสุราแซงรถที่อยู่ข้างหน้าล้ำเข้าไปในช่องทางรถสวนในขณะที่รถจักรยานยนต์แล่นสวนทางมาในระยะกระชั้นชิดซึ่งเป็นการขับรถที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่นายพิบูลย์ศักดิ์หรือบอยขับสวนมา รถจักรยานยนต์ดังกล่าวเสียหายและนายพิบูลย์ศักดิ์หรือบอยถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยนอกจากจะเป็นการขับรถโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายแล้วยังมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมใช้ถนน ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งจำเลยเคยต้องคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุรามาครั้งหนึ่งแล้ว โดยศาลในคดีก่อนให้โอกาสจำเลยโดยรอการลงโทษจำคุกไว้ แต่จำเลยไม่เข็ดหลาบกลับมากระทำความผิดในลักษณะเดียวกันอีก แม้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ฝ่ายผู้ตายจนไม่ติดใจเอาความแก่จำเลย และจำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว ก็ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยให้เบาลงอีกและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุรา อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2), 160 วรรคสาม กับการที่จำเลยขับรถโดยประมาณแซงรถที่อยู่ข้างหน้าไปในช่องเดินรถขวามือในขณะที่ผู้ตายขับสวนมาเป็นเหตุชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายเสียหายและทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 นั้น เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องและเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยฐานขับรถขณะเมาสุราเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งนั้น จึงเป็นการมิชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2) (4), 157, 160 วรรคสาม เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6