คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ได้รับหนังสือแล้วเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2545 เมื่อ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฯ มาตรา 22 บัญญัติว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงเมื่อ … (2) ลาออก จึงต้องถือว่าการลาออกจากการเป็นสมาชิกของผู้ร้องมีผลเมื่อหนังสือลาออกของผู้ร้องไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของผู้ร้องจึงสิ้นสุดลงในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2545 ผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคความหวังใหม่เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2547 ผู้ร้องสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 เมื่อนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งผู้ร้องจึงเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้ร้องจึงมีคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 (4)
(คำสั่งศาลฎีกา)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมาผู้คัดค้านแจ้งให้ผู้ร้องทราบว่าไม่รับสมัครผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกัน 90 วัน จึงเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 ความจริงผู้ร้องได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2545 จากนั้นสมัครเป็นสมาชิกพรรคความหวังใหม่นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคความหวังใหม่เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้ร้องจึงมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งได้ ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 ผู้ร้องได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมาวันที่ 15 มกราคม 2548 ผู้คัดค้านมีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องทราบว่า ผู้ร้องขาดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 ผู้ร้องมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องขาดคุณสมบัติมิให้ใช้สิทธิรับเลือกตั้งหรือไม่ เห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยซึ่งใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันนี้ มาตรา 107 (4) ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียว นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน จึงต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ผู้ร้องได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่เมื่อใด ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2545 ตามเอกสารหมาย ร.1 โดยผู้ร้องได้ส่งหนังสือของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ลงลายมือชื่อรับรองว่าได้รับหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของผู้ร้องฉบับดังกล่าวเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2545 ตามเอกสารหมาย ร.5 ผู้คัดค้านไม่ได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ผู้ร้องได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2545 ดังนั้น เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 22 บัญญัติว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงเมื่อ … (2) ลาออก จึงต้องถือว่าการลาออกจากการเป็นสมาชิกของผู้ร้องมีผลเมื่อหนังสือลาออกของผู้ร้องไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เช่นนี้ ความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของผู้ร้องจึงสิ้นสุดลงในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2545 ผู้ร้องเป็นสมาชิกพรรคความหวังใหม่เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2547 ผู้ร้องสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 เมื่อนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งผู้ร้องจึงเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียวนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้ร้องจึงมีคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 107 (4) ที่ผู้คัดค้านไม่รับสมัครผู้ร้องและไม่ประกาศให้ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย คำร้องของผู้ร้องฟังขึ้น”
จึงมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านรับสมัครผู้ร้องและประกาศให้ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งตามกฎหมาย

Share