คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7341/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นคู่ความยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกธนาคาร ก. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้าเป็นคู่ความในคดีคือเป็นโจทก์ฟ้องแย้งร่วม คำร้องของจำเลยดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นคำฟ้องหรือคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (3) และ (5) เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยจึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามมาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามมาตรา 226

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายอุปกรณ์วิทยุคมนาคม ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 521,581.73 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 476,718 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ชำระเงินแก่โจทก์ตามหนังสือค้ำประกัน การที่โจทก์เรียกให้ธนาคารชำระเงินแก่โจทก์ทำให้ธนาคารนำยอดเงินตามหนังสือค้ำประกันมาหักออกจากบัญชีของจำเลย ทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง และบังคับให้โจทก์ชำระเงินที่ธนาคารจ่ายแก่โจทก์จำนวน 145,420 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นโจทก์ฟ้องแย้งร่วมกับจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยโดยวินิจฉัยว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลหมายเรียกธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นโจทก์ฟ้องแย้งร่วมกับจำเลยเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีนี้ ยื่นคำร้องขอให้หมายเรียกธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้าเป็นคู่ความในคดีคือเป็นโจทก์ฟ้องแย้งร่วม คำร้องของจำเลยดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นคำฟ้องหรือคำคู่ความตามบทบัญญ้ติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (3) และ (5) เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้เรียกธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นโจทก์ฟ้องแย้งร่วม คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามมาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยและพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share