คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง เป็นการขับไล่บุคคลไม่ว่าจะเป็นผู้บุกรุก ผู้เช่าหรือผู้อาศัยที่ไม่มีสิทธิจะอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ ให้ออกไปจากอสังหาริมทรัพย์นั้น คำว่าบุคคลใดดังกล่าวจึงหมายถึงบุคคลที่อยู่ในอสังหาริมทรัพย์รวมสิ่งก่อสร้างหรือทรัพย์สินที่บุคคลนั้นเข้าไปก่อสร้างหรือนำเข้าไปไว้ในอสังหาริมทรัพย์หรือการเพาะปลูกใด ๆ ด้วย มิได้หมายถึงเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปก่อสร้างกระถางต้นไม้ในที่ดินพิพาทของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งก่อสร้างออกไป กับยังขอให้ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทอีกต่อไปด้วย จึงเป็นฟ้องที่อยู่ในความหมายคำว่า “ฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์” ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 103430 ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี เนื้อที่ 7 ตารางวา จำเลยบุกรุกเข้ามาก่อสร้างกระถางต้นไม้ในที่ดินของโจทก์ดังกล่าวเนื้อที่ 1 ตารางวาเศษ โจทก์บอกกล่าวจำเลยให้รื้อถอนออกไปแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์เสียหายเท่าค่าเช่าในอัตราเดือนละ 1,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาททำที่ดินให้อยู่ในสภาพปกติ และห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกต่อไป กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 5,700 บาท และต่อไปอีกเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การว่า ที่ดินพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์ที่พลเมืองใช้ร่วมกัน เดิมมีสภาพเป็นสะพานแล้วเปลี่ยนสภาพเป็นทางเดิน โจทก์ไม่อาจได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือโฉนดที่ดิน โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายและจำเลยก่อสร้างกระถางต้นไม้ในที่ดินของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนกระถางต้นไม้ออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 103430 ตำบลมะขามหย่ง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ของโจทก์และทำให้ที่ดินอยู่ในสภาพปกติกับห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 423 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 90 บาท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนกระถางต้นไม้ออกไปจากที่ดินของโจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยในข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท จำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง นั้นไม่ชอบ เพราะตามบทกฎหมายดังกล่าวหมายถึงฟ้องที่ขอให้บังคับบุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนกระถางที่อ้างว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปก่อสร้างออก มิได้ขอบังคับเอากับตัวจำเลย อุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงหรือไม่ เห็นว่า การฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์ตามบทกฎหมายดังกล่าว เป็นการฟ้องขับไล่บุคคลไม่ว่าจะเป็นผู้บุกรุก ผู้เช่าหรือผู้อาศัยที่ไม่มีสิทธิจะอยู่ในอสังหาริมทรัพย์แล้ว ให้ออกไปจากอสังหาริมทรัพย์นั้น คำว่าบุคคลใดดังกล่าวจึงหมายถึงบุคคลที่อยู่ในอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสิ่งก่อสร้างหรือทรัพย์สินที่บุคคลนั้นเข้าไปก่อสร้างหรือนำเข้าไปไว้ในอสังหาริมทรัพย์หรือการเพาะปลูกใด ๆ ด้วย มิได้หมายถึงเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้นดังที่จำเลยฎีกา คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปก่อสร้างกระถางต้นไม้ในที่ดินพาทของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งก่อสร้างออกไป กับยังขอให้ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทอีกต่อไปด้วยจึงเป็นฟ้องที่อยู่ในความหมายของคำว่า “ฟ้องขับไล่บุคคลใด ๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share