คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8604/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องโดยแนบสำเนาใบสั่งซื้อและใบส่งของเพื่อประกอบข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ซึ่งจำเลยก็ให้การยอมรับเพียงแต่ต่อสู้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเพราะส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยไม่ถูกต้อง ฉะนั้นแม้โจทก์อ้างในคำฟ้องว่าเป็นเรื่องซื้อขายศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นเรื่องทั้งซื้อขายและจ้างทำของ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่าเป็นเรื่องจ้างทำของ เช่นนี้ศาลย่อมมีอำนาจพิจารณาเนื้อหาแห่งคำฟ้องประกอบทางนำสืบของคู่ความแล้วปรับบทกฎหมายเองตามที่ได้ความได้ ไม่จำต้องยึดถือหัวข้อที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นสำคัญ จึงมิใช่เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นอันเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
สิ่งของบางส่วนในจำนวนทั้งหมดที่โจทก์ส่งมอบให้แก่จำเลยตามสัญญามีความชำรุดบกพร่องและไม่ถูกต้องตามสัญญา แม้จำเลยจะรับมอบสิ่งของจากโจทก์ซึ่งมีจำนวนมากถึง 8,988 ใบแต่ก็เป็นการรับมอบในลักษณะเป็นแผ่นกระดาษซึ่งจำเลยจะต้องนำมาพับเป็นกล่องเอง เมื่อสิ่งของมีจำนวนมากถึง 1 คันรถบรรทุก ความชำรุดบกพร่องนั้นจึงไม่อาจพึงพบได้ในขณะเมื่อจำเลยรับมอบอันจะถือว่าจำเลยยอมรับมอบการที่ทำจากโจทก์แล้วโดยมิได้อิดเอื้อนหาได้ไม่ หากจำเลยนำกล่องกระดาษที่มีคุณลักษณะและสภาพไม่สมบูรณ์เช่นนั้นไปใช้แม้เพียงบางส่วนก็ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือในสินค้าของจำเลยต่อไปได้ จึงต้องถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายปฏิบัติผิดสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับจำเลย และจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องทั้งสิ้น โดยมิพักต้องคำนึงถึงว่าจำเลยยังสามารถนำกล่องกระดาษที่สั่งซื้อหรือว่าจ้างให้โจทก์นำไปใช้บรรจุสินค้าของจำเลยได้โดยทำให้มีความแน่นหน้าเพิ่มด้วยการติดเทปกาวอันจะถือได้ว่าสิ่งของหรือการงานบางส่วนตามที่จำเลยว่าจ้างยังคงใช้งานได้เป็นประโยชน์แก่จำเลย กรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 606 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2542 จำเลยได้ซื้อกล่องกระดาษชนิดลูกฟูกออฟเซทไปจากโจทก์ จำนวน 8,988 ใบ คิดเป็นเงิน 136,205.60 บาท ตกลงชำระราคาภายใน 30 วัน เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ชำระเงิน คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 10 มิถุนายน 2542 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 1,494 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 137,699 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 136,205 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ซื้อกล่องกระดาษจากโจทก์แต่ว่าจ้างโจทก์ทำกล่องกระดาษลูกฟูกลอนอย่างดี แข็งแรง ทนทาน มีคุณภาพมาตรฐาน พร้อมพิมพ์ตรายี่ห้อสินค้าของจำเลยด้วยระบบออฟเซท 4 สี แต่ปรากฏว่าโจทก์ส่งมอบกล่องกระดาษไม่มีคุณภาพมาตรฐานตามสัญญา จำเลยแจ้งให้โจทก์รับกล่องกระดาษคืนและทำมาให้ใหม่ให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามสัญญา แต่โจทก์เพิกเฉยโจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้าง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 85,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ ค่าขึ้นศาลคิดให้เท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความรวม 2,000 บาท
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยก่อนเป็นประการแรกว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่วินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นเรื่องจ้างทำของและจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้สินจ้างแก่โจทก์ตามสมควรแก่ส่วนของงานที่โจทก์ได้ทำขึ้นแล้วเป็นประโยชน์แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 606 วรรคสอง นั้น ชอบแล้วหรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับโดยแนบสำเนาใบสั่งซื้อและใบส่งของตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 และ 4 เพื่อประกอบข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ซึ่งจำเลยก็ให้การยอมรับเพียงแต่ต่อสู้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเพราะส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยไม่ถูกต้องตามสัญญา จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ฉะนั้นแม้โจทก์อ้างในคำฟ้องว่าเป็นเรื่องซื้อขาย โดยศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องทั้งซื้อขายและจ้างทำของ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องจ้างทำของ เมื่อเป็นเช่นนี้ศาลย่อมมีอำนาจพิจารณาเนื้อหาแห่งคำฟ้องประกอบทางนำสืบของคู่ความแล้วปรับบทกฎหมายเองตามที่ได้ความได้ ไม่จำต้องยึดถือหัวข้อที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นสำคัญ จึงมิใช่เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นอันเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
คดีจึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนายมนตรี เพชรวิเศษกุล พยานโจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ว่า ก่อนที่จะส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยตามสัญญาโจทก์ได้ส่งมอบตัวอย่างกล่องกระดาษตามหมาย ว.จ.1 ถึง ว.จ.3 .ให้จำเลยตรวจสอบแล้ว จำเลยเห็นชอบจึงลงลายมือชื่อไว้ในตัวอย่างกล่องกระดาษดังกล่าวเป็นหลักฐาน โดยโจทก์ตกลงใช้กระดาษเนื้อดีมีคุณภาพและต้องพิมพ์ชื่อยี่ห้อสินค้าของจำเลยลงบนฝากล่องและด้านข้างของกล่องให้ถูกต้องตรงตามตำแหน่งที่กำหนดไว้เหมือนกล่องตัวอย่างซึ่งเป็นสีเหลือง ฟ้าและขาวตลอดจนต้องตัดกระดาษให้เป็นรูปกล่อง ทำรอยพับไว้ให้สะดวกแก่การใช้ ทั้งนี้โจทก์ได้รับแจ้งจากจำเลยด้วยว่ามีวัตถุประสงค์จะนำไปใส่สินค้าหางปลาซึ่งทำด้วยทองเหลือง ซึ่งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลักษณะและคุณภาพของกล่องกระดาษที่โจทก์จ้างให้จำเลยทำดังกล่าวยังเจือสมกับข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของจำเลยว่า จำเลยว่าจ้างให้โจทก์ทำกล่องกระดาษรวม 3 ขนาด ซึ่งตกลงกันว่าต้องเป็นกล่องกระดาษที่มีสภาพแข็งแรงใช้กระดาษเนื้ออย่างดีชนิดพิเศษ มีสัญลักษณ์หรือโลโก้ของบริษัทจำเลยตรงตามตำแหน่งที่ระบุหรือตกลงกันไว้โดยมีสี ขนาดตัวอักษรและแถบสีเหมือนกับตัวอย่างกล่องกระดาษตามวัตถุพยานหมายเอกสารหมาย ว.จ.1 เห็นว่า เมื่อพิจารณากล่องกระดาษตัวอย่างตามวัตถุพยานเอกสารหมาย ว.จ.1 ถึง ว.จ.3 ที่โจทก์ตกลงรับจ้างจำเลยทำหรือจำเลยตกลงสั่งซื้อจากโจทก์แล้วเปรียบเทียบกับกล่องกระดาษที่โจทก์ส่งมอบให้จำเลยตามวัตถุพยานหมาย ว.จ.3 ถึง ว.จ.4 ซึ่งโจทก์ยอมรับความถูกต้องแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่ากล่องกระดาษที่โจทก์ส่งมอบให้แก่จำเลยดังกล่าวบางส่วนมีเครื่องหมายหรือชื่อยี่ห้อสินค้าของจำเลยบนกล่องไม่ตรงตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ตามตัวอย่างและบางกล่องมีลักษณะบวมพองคล้ายโดนน้ำ เมื่อพับเป็นกล่องก็มีลักษณะบิดเบี้ยว ไม่ได้คุณภาพและลักษณะเหมือนตัวอย่างตามที่โจทก์จำเลยตกลงกันตามวัตถุพยานหมาย ว.จ.1 ถึง ว.จ.3 ซึ่งนายมนตรี หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ก็เบิกความตอบคำถามค้านยอมรับว่า กล่องกระดาษที่โจทก์ส่งมอบให้แก่จำเลยตามวัตถุพยานหมาย ว.ล.1 ถึง ว.ล.3 นั้น เมื่อพับตามรอยแล้วกล่องมีรูปทรงไม่สมบูรณ์และชื่อยี่ห้อสินค้าของจำเลยก็ไม่ตรงตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าสิ่งของบางส่วนในจำนวนทั้งหมดที่โจทก์ส่งมอบให้แก่จำเลยตามสัญญามีความชำรุดบกพร่องและไม่ถูกต้องตามสัญญา แม้จำเลยจะรับมอบสิ่งของจากโจทก์ซึ่งมีจำนวนมากถึง 8,988 ใบ แต่ก็เป็นการรับมอบในลักษณะเป็นแผ่นกระดาษซึ่งจำเลยจะต้องนำมาพับเป็นกล่องเองเมื่อสิ่งของมีจำนวนมากถึง 1 คันรถบรรทุก ความชำรุดบกพร่องนั้นจึงไม่อาจพึงพบได้ในขณะเมื่อจำเลยรับมอบอันจะถือว่าจำเลยยอมรับมอบการที่ทำจากโจทก์แล้วโดยมิได้อิดเอื้อนหาได้ไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้หากจำเลยนำกล่องกระดาษที่มีคุณลักษณะและสภาพไม่สมบูรณ์เช่นนั้นไปใช้แม้เพียงบางส่วนก็ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือในสินค้าของจำเลยต่อไปได้ ข้อเท็จจริงจึงต้องถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายปฏิบัติผิดสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับจำเลย และจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องทั้งสิ้น โดยมิพักต้องคำนึงถึงว่าจำเลยยังสามารถนำกล่องกระดาษที่สั่งซื้อหรือว่าจ้างให้โจทก์ทำไปใช้บรรจุสินค้าของจำเลยได้โดยทำให้มีความแน่นหนาเพิ่มด้วยการติดเทปกาวอันจะถือได้ว่าสิ่งของหรือการงานบางส่วนตามที่จำเลยว่าจ้างยังคงใช้งานได้เป็นประโยชน์แก่จำเลย กรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 606 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความรวม 3,000 บาท

Share