คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นทางเดินและที่ตั้งตลาดและทำสัญญาเช่าอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างกับโจทก์ โดยมีข้อตกลงว่าหากชำระค่าเช่า ค่าภาษี ค่าธรรมเนียมหรือเงินอื่นใดที่ผู้เช่าต้องชำระให้แก่ผู้เช่าเกินกำหนดเวลา ผู้เช่าต้องชำระเงินเพิ่มจากเงินดังกล่าวเป็นเบี้ยปรับอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของเงินที่ค้างชำระ สัญญาเช่าดังกล่าวเป็นสัญญาเช่าทรัพย์สินตาม ป.พ.พ. มาตรา 537 ข้อตกลงเรื่องเบี้ยปรับดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงตามสัญญาเช่าทรัพย์สิน การฟ้องเรียกเบี้ยปรับต้องดำเนินการฟ้องเสียภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จำเลยส่งคืนทรัพย์สินที่ให้เช่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเช่าและเบี้ยปรับจำนวน 469,300 บาท พร้อมเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน ในต้นเงินจำนวน 247,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 247,000 บาท และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนในทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความเรียกเอาเบี้ยปรับตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเพื่อใช้เป็นทางเดินและเป็นที่ตั้งตลาดเพียรยินดี และสัญญาเช่าอาคารหรือสิ่งก่อสร้างกำหนดไว้ว่าการชำระค่าเช่า ค่าภาษี ค่าธรรมเนียม หรือเงินอื่นใดที่ผู้เช่าต้องชำระให้แก่ผู้ให้เช่าตามกำหนดเวลา หากชำระเกินกำหนดเวลา ผู้เช่าจะต้องชำระเงินเพิ่มขึ้นจากเงินดังกล่าวเป็นเบี้ยปรับให้ผู้ให้เช่าอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของเงินที่ค้างชำระ เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้โดยโจทก์มิได้โต้แย้งว่า สัญญาเช่าดังกล่าวเป็นสัญญาเช่าทรัพย์สินตาม ป.พ.พ. มาตรา 537 ข้อตกลงเรื่องเบี้ยปรับเป็นข้อตกลงตามสัญญาเช่าทั้งสองฉบับดังกล่าว เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าทั้งสองสัญญา จำเลยไม่ได้เป็นผู้เช่าที่ดินทั้งสองแปลงและอาคารตลาดเพียรยินดีจากโจทก์ และโจทก์ได้รับมอบที่ดินพร้อมอาคารเพียรยินดีคืนจากจำเลยในวันที่ 31 มกราคม 2541 การฟ้องคดีเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาเช่าเป็นคดีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยปฏิบัติเกี่ยวแก่สัญญาเช่าก็ต้องดำเนินการฟ้องเสียภายใน 6 เดือนนับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่ให้เช่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 563 กรณีหาใช่เป็นเรื่องดอกเบี้ยค้างชำระหรือค่าเช่าทรัพย์สินค้างชำระ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 ตามที่โจทก์ฎีกาไม่ เมื่อโจทก์มาฟ้องเรียกเบี้ยปรับจากจำเลยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2546 เกินกำหนด 6 เดือนนับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า คดีโจทก์ที่ขอให้จำเลยชำระเบี้ยปรับจึงขาดอายุความตามที่จำเลยต่อสู้ในคำให้การ คำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share