คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์แถลงขอรับเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืน ศาลมีคำสั่งอนุญาตโดยสั่งจ่ายเช็คให้โจทก์ไป แต่ตราบใดที่โจทก์มิได้นำเช็คไปเรียกเก็บจากธนาคาร เงินดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาล ถ้าโจทก์มิได้เรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ศาลสั่งอนุญาตเงินดังกล่าวย่อมตกเป็นของแผ่นดินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 323

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2539 และสั่งคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์จำนวน 80,000 บาท ต่อมาวันที่ 19 มกราคม 2541 โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต และทนายโจทก์ได้รับเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 80,000 บาท ไปจากศาลเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2541 ต่อมาวันที่ 14 ตุลาคม 2546 โจทก์ยื่นคำร้องว่า ทนายโจทก์ทำเช็คค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืนหาย ขอให้ศาลจ่ายเงินจำนวน 80,000 บาท แก่โจทก์แทนเช็คฉบับดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลนำเงินค่าธรรมเนียมที่สั่งคืนส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินแล้ว ประกอบกับโจทก์ยื่นคำร้องฉบับนี้เมื่อพ้น 5 ปี นับแต่มีสิทธิได้รับคืน โจทก์จึงไม่อาจขอรับเงินดังกล่าวได้ ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิขอรับเงินค่าขึ้นศาลที่ศาลสั่งคืนจำนวน 80,000 บาท ได้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมและสั่งคืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์จำนวน 80,000 บาท แม้โจทก์ได้แถลงขอรับเงินดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2541 และศาลมีคำสั่งอนุญาตโดยสั่งจ่ายเป็นเช็คให้โจทก์ไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2541 ก็ตาม แต่ตราบใดที่โจทก์มิได้นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร เงินดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาล ซึ่งถ้าโจทก์มิได้เรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ศาลสั่งอนุญาต เงินดังกล่าวย่อมตกเป็นของแผ่นดินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 323 ดังนั้น เมื่อโจทก์มายื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งจ่ายเงินค่าขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 14 ตุลาคม 2546 ซึ่งพ้นกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่ศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์รับไปเงินดังกล่าวจึงตกเป็นของแผ่นดินไปแล้วที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาไม่คืนเงินให้โจทก์นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share