คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2237/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะ ช. พนักงานของผู้เสียหายในฐานะตัวแทนของผู้เสียหาย นำยึดทรัพย์ของจำเลยได้ทราบถึงฐานะการเงินของจำเลยดีว่า ไม่สามารถชำระหนี้ตามเช็คพิพาทได้ แต่ยอมรับเช็คพิพาทไว้เพื่อ จะได้งดการบังคับคดีไว้ก่อนเท่านั้นการสั่งจ่ายเช็คของจำเลย จึงมีลักษณะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและเพื่อประกันหนี้ ในทางแพ่งที่ต้องรับผิดไว้ก่อน กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คโดยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะ พึงให้ใช้เงินตามเช็คได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น และโดยเจตนาที่จะ ไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ ลงโทษจำคุก ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายชยุตม์พนักงานของผู้เสียหายในฐานะ ตัวแทนของผู้เสียหายในการนำยึดทรัพย์ของจำเลยได้ทราบถึงฐานะ การเงินของจำเลยดีว่าไม่สามารถชำระหนี้ตามเช็คพิพาทได้ แต่ยอมรับเช็คพิพาทไว้เพื่อจะได้งดการบังคับคดีไว้ก่อนเท่านั้น ฉะนั้นการสั่งจ่ายเช็คของจำเลยจึงมีลักษณะเป็นการแก้ไขปัญหา เฉพาะหน้าและเพื่อประกันหนี้ในทางแพ่งที่ต้องรับผิดเอาไว้ก่อน กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด อันเกิดจากการใช้เช็ค
พิพากษายืน

Share