คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6749/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลย เข้ากรีดยางพาราในที่พิพาทด้วย ดังนั้นการขอให้ห้ามจำเลยกรีด ยางพาราในที่พิพาทก่อนศาลมีคำพิพากษาจึงเป็นการห้ามมิให้จำเลย กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๔(๒)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปครอบครอง และกรีดยางพาราของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารและเรียก ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินสวนยางพาราพิพาทเป็น ของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ใช้วิธีการชั่วคราว ก่อนพิพากษา
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษากลับ ห้ามจำเลยและบริวารและกรีด ยางพาราในที่พิพาทไว้ชั่วคราวในระหว่างการพิจารณา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย จากการที่จำเลยเข้ากรีดยางพารานับถึงวันฟ้องโดยมิได้ขอให้ ค่าเสียหายในอนาคตมาด้วย ดังนี้เมื่อยังไม่มีคำชี้ขาดของศาลว่า ฝ่ายใดมีสิทธิครอบครองที่พิพาท การที่จะให้จำเลยเข้ากรีดยางพารา ในที่พิพาทจึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้ที่จำเลย อ้างว่าการขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามจำเลยกรีดยางพาราในที่พิพาท เป็นคำขอคุ้มครองสิทธิที่ไม่เกี่ยวกับฟ้อง ขัดต่อประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๔(๒) นั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยเข้ากรีดยางพาราใน พิพาทด้วย การขอให้ห้ามจำเลยกรีดยางพาราในที่พิพาทก่อนศาลมี คำพิพากษา จึงเป็นการห้ามมิให้จำเลยกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไป ซึ่งการละเมิดตามฟ้อง ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๔ (๒)
พิพากษายืน

Share