แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทย์ฟ้องกล่าวโทษจำเลยว่า นายคีหวุนจำเลยได้รับอนุญาตจำหน่ายฝิ่นในเขตต์แขวงอำเภอท่ามะกาจังหวัดราชบุรี ในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๑ นายคีหวุนจำเลยบังอาจส่งผ้าซับฝิ่นหนัก ๑๔ ตำลึงให้นายกิมจำเลยนำไปเที่ยวจำหน่ายหาผลประโยชน์ในท้องที่อำเภอจังหวัดกาญจนบุรีโดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติภาษีฝิ่นจุลศักราช ๑๒๓๓ พระราชบัญญัติภาษีฝิ่นเพิ่มเติมปี ร.ศ.๑๐๙ แลพระราชบัญญัติกำหนดโทษทำฝิ่นเถื่อนศก ๑๒๕ มาตรา ๕ ทั้งขอให้ริบของกลางด้วย ฯ
นายคีหวุนจำเลยให้การว่าได้รับอนุญาตจำหน่ายฝิ่นย่อยที่ตำบลบ้านวังศาลาจังหวัดราชบุรี จำเลยได้ส่งผ้าซับฝิ่นให้แก่นายกิมจำเลย เพื่อให้นำไปให้นายจอกถูกจ้างตัดไม่ของจำเลยกิน แต่มิได้ส่งไปขาย ฯ
นายกิมจำเลยให้การรับว่า นายคีหวุนได้ฝากผ้าซับฝิ่นไปให้แก่นายจอกลูกจ้างของนายคีหวุน แต่ยังมิทันได้ส่งให้แก่นายจอกก็ถูกจับ ฯ
ศาลจังหวัดกาญจนบุรีพิจารณาแล้ว ได้ความว่าผ้าชนิดนี้เกิดขึ้นจากผู้ที่สูบฝิ่นเอาผ้าเขดเนื้อฝิ่นและมูลฝิ่นที่ติดเปื้อนอยู่ตามวัตถุที่เปนเครื่องสูบฝิ่น ผ้าซับฝิ่นรายนี้เปนของนายคีหวุนฝากนายกิมให้นำเอาไปให้แก่นายจอกลูกจ้างของนายคีหวุน แต่ผ้าซับฝิ่นชนิดนี้มิได้เข้าอยู่ในบัญญัติแห่งกฎหมายฝิ่นที่โจทย์ร้องขอมาจึงพิพากษายกฟ้องโจทย์ ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทอุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า ผ้าซับฝิ่นรายนี้โจทย์นำสืบแยกไม่ได้ว่าฝิ่นที่ติดอยู่ในผ้านั้นจะเปนเนื้อยาฝิ่นเท่าใด มูลยาฝิ่นเท่าใดแล้ว ควรฟังว่าฝิ่นที่ติดอยู่ในผ้านั้นเปนมูลยาฝิ่นทั้งหมด ทั้งได้ความว่าเวลานี้ซื้อขายกันตำลึงละ ๖ บาท เมื่อนายคีหวุนจำเลยซึ่งเปนเจ้าของผ้าได้สมคบกับนายกิมจำเลย ให้นายกิมจำเลยนำข้ามแขวงเอาไปเที่ยวจำหน่ายดังนี้ จำเลยทั้ง ๒ ต้องเปนตัวการด้วยกัน มีผิดตามพระราชบัญญัติภาษีฝิ่นเพิ่มเติมศก ๑๐๙ มาตรา ๓๓-๓๔ แลพระราชบัญญัติกำหนดโทษฝิ่นเถื่อนศก ๑๒๕ มาตรา ๓ ข้อ ๒ พิพากษากลับคำตัดสินศาลเดิม ให้ปรับจำเลย ๓ เท่าราคามูลยาฝิ่นเปนเงินคนละ ๒๕๒ บาทเปนพินัยหลวง แล้วให้ริบผ้าซับฝิ่นของกลางรายนี้เสียด้วย ฯ
นายคีหวุนจำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้วได้ความจากคำนายไคเซงพยานโจทย์ว่า ผ้าซับฝิ่นชนิดนี้พยานเคยขายในเวลานั้นหนักตำลึง ๑ เปนเงิน ๖ บาท แต่ผ้าซับฝิ่นรายนี้มีน้ำหนักรวมทั้งเนื้อผ้าด้วยหนัก ๑๔ ตำลึง อนึ่งผ้าซับฝิ่นรายนี้จะมีเนื้อยาฝิ่นและมูลยาฝิ่นติดอยู่ในผ้านั้นอย่างละมากน้อยเท่าใด ข้อนี้โจทย์ก็หาได้นำสืบให้ได้ความชัดไม่ เมื่อไม่รู้แน่ว่ามีเนื้อยาฝิ่นฤามูลยาฝิ่นอย่างใดติดอยู่ในผ้านั้นอย่างละมากน้อยเท่าใดแล้ว ก็ยากที่จะตั้งเกณฑ์ปรับจำเลยได้ เพราะอาจมีเนื้อยาฝิ่นติดอยู่ในผ้านั้นมีน้ำหนักไม่เกินกว่า ๑ ตำลึงจีน ซึ่งจำเลยอาจจะไม่ต้องถูกปรับตามพระราชบัญญัติภาษีฝิ่นเพิ่มเติมปี พ.ศ.๒๔๖๐ ก็เปนได้ เมื่อคดีโจทย์ยังมัวหมองไม่แน่ชัดดังนี้จะลงโทษจำเลยยังไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษลงโทษปรับไหมจำเลยรวม ๆ มานั้นยังไม่ถูก จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเสีย ให้ปล่อยตัวจำเลยทั้ง ๒ คนหลุดพ้นโทษไปตามคำพิพากษานี้ ฯ