แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าให้จำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 รับผิดชำระหนี้ตามสัญญาขอให้โจทก์อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ถูก คือ สัญญาข้อตกลงขอให้ธนาคารเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน) โดยระบุชื่อสัญญาไม่ถูกต้องและมิได้กล่าวถึง
จำนวนเงินไว้ เป็นการระบุชื่อสัญญาไม่ถูกต้องและกำหนดความรับผิดไว้ไม่ชัดแจ้ง แม้ศาลชั้นต้นจะได้ระบุจำนวนเงินความรับผิดของจำเลยที่ 1 ไว้แล้วก็ตาม ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันชำระเงินจำนวน 6,531,903.57 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปี ของต้นเงิน 5,181,547.57 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ถ้าได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งหกขายทอดตลาดบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งหกให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจำนวน 3,238,861.91 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2540 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2542 และร้อยละ 16 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 2 มีนาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยหักเงินที่ชำระในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 ออกจากหนี้ดังกล่าวด้วย และชำระเงินตามสัญญาอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ถูก สัญญาข้อตกลงขอให้ธนาคารเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน) จำนวน 2,648,759.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปี ของต้นเงิน 2,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 31 มีนาคม 2542) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ร่วมรับผิดตามสัญญาค้ำประกันของหนี้เบื้องต้นรวมกันไม่เกิน 3,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินที่เป็นประกันลำดับสองตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2549 ถึงเลขที่ 2541 และเลขที่ 961 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของจำเลยที่ 5 และที่ 6 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้ถ้าไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งหกออกขายทอดตลาดชำระจนกว่าจะครบจำนวนที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ กับให้จำเลยทั้งหกร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 รับผิดชำระหนี้ตามสัญญาขอให้โจทก์อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน ร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 รับผิดชำระหนี้ตามสัญญาขอให้โจทก์อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยมิได้กล่าวถึงจำนวนเงินไว้เป็นการระบุชื่อสัญญาไม่ถูกต้อง และกำหนดความรับผิดไว้ไม่ชัดแจ้ง แม้ศาลชั้นต้นจะได้ระบุจำนวนเงินความรับผิดของจำเลยที่ 1 ไว้แล้วก็ตาม ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญาข้อตกลงขอให้ธนาคารเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 2,648,759.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปี ของต้นเงิน 2,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 31 มีนาคม 2542) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ