แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ระเบียบข้อ 4 ของสมาคมจำเลยมีข้อกำหนดที่เป็นสาระสำคัญประกอบกันสองประการ คือ ต้องเป็นกรณีที่ครอบครัวสมาชิกมีการหย่าร้างกันและจะต้องไม่ได้อยู่ด้วยกัน โดยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น หากเข้าเงื่อนไขทั้งสองประการนี้สมาชิกจึงมีหน้าที่ต้องไปแจ้งให้คณะกรรมการของจำเลยทราบ หากไม่แจ้งและมิได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ จึงจะถือว่าขาดสิทธิจากการเป็นสมาชิก
โจทก์กับ ผ. สามีของโจทก์ไม่ได้จดทะเบียนหย่า เพียงแต่ ผ. เจ็บป่วยจึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับบิดามารดาของ ผ. อีกแห่งหนึ่ง กรณีไม่อาจถือได้ว่าโจทก์กับ ผ. เป็นครอบครัวสมาชิกที่หย่าร้างกันและไม่ได้อยู่ด้วยกัน อันจะเข้าเงื่อนไขตามระเบียบของจำเลย จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะตัดชื่อ ผ. ออกจากการเป็นสมาชิกของจำเลยและให้โจทก์ต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกของจำเลยใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 27,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2542 ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 4 เดือน 29 วัน เป็นเงิน 826 บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์ 27,826 บาท และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 27,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้จำเลยจ่ายเงินจำนวน 22,872 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2542 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยเป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์โจทก์เป็นภริยาของนายผจญ โจทก์ นายผจญ และนายเทอดพงศ์ บุตรของโจทก์กับนายผจญเป็นสมาชิกของจำเลย เดิมโจทก์และนายผจญพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 127 หมู่ที่ 8 ตำบลแม่แฝก อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2537 นายผจญย้ายออกจากบ้านเลขที่ดังกล่าวไปอยู่ที่ตำบลแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ โดยมิได้จดทะเบียนหย่ากับโจทก์ นายผจญถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2542 คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์จากจำเลยตามระเบียบหรือไม่ เห็นว่า ตามระเบียบของจำเลย ข้อ 4 มีข้อกำหนดที่เป็นสาระสำคัญประกอบกันสองประการ คือ ต้องเป็นกรณีที่ครอบครัวสมาชิกนั้นมีการหย่าร้างกันและจะต้องไม่ได้อยู่ด้วยกัน โดยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น หากเข้าเงื่อนไขทั้งสองประการดังกล่าวมานี้สมาชิกมีหน้าที่จะต้องไปแจ้งให้คณะกรรมการของจำเลยทราบ ถ้าไม่แจ้งและมิได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ จึงจะถือว่าขาดสิทธิจากการเป็นสมาชิกของจำเลย เมื่อโจทก์กับนายผจญไม่ได้จดทะเบียนหย่า เพียงแต่นายผจญเจ็บป่วยจึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับบิดามารดาของนายผจญอีกแห่งหนึ่ง กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่าโจทก์กับนายผจญเป็นครอบครัวสมาชิกที่หย่าร้างกันและไม่ได้อยู่ด้วยกัน อันจะเข้าเงื่อนไขตามระเบียบข้อ 4 ดังกล่าว ดังนั้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะตัดชื่อนายผจญออกจากการเป็นสมาชิกและให้โจทก์ต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามให้เป็นพับ.