คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7037/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า “ฉีด” ตามพจนานุกรม ให้ความหมายไว้ว่า “ใช้กำลังอัดหรือดันของเหลวพุ่งออกจากช่องเล็ก ๆ” ดังนั้น กระบอกฉีดยาที่ไม่มีเข็มฉีดยาก็สามารถฉีดของเหลวเข้าสู่ร่างกายกระบือโดยทางปากหรือทางทวารได้ และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีกระบอกฉีดยาบรรจุสารพิษไว้แล้ว และจำเลยกำลังจับเชือกที่ผูกกระบือของผู้เสียหายซึ่งพร้อมที่จะลงมือฉีดสารพิษใส่เข้าไปในตัวกระบือ การกระทำของจำเลยดังนี้ใกล้ชิดต่อผลแห่งการกระทำให้เสียทรัพย์ถือว่าเป็นการลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายมาพบและเข้าขัดขวางเสียก่อน จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทำให้เสียทรัพย์ และเมื่อศาลฎีกาฟังว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาดังกล่าวถือว่าจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดพ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 358, 359, 80, 33, 32 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง คำขออื่นให้ยก ให้ขังจำเลยไว้ระหว่างอุทธรณ์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 359 (ที่ถูกมาตรา 359 (2) ), 80 จำคุก 1 ปี ริบของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง ผู้เสียหาย นายประดิษฐ์ และนายบุญรอด ร่วมกันจับจำเลยได้พร้อมกระบอกฉีดยาบรรจุสารพิษ และขวดสารพิษ ขณะที่จำเลยเดินไปที่กระบือ ผู้เสียหาย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าของกลางที่ยึดได้มีเพียงกระบอกฉีดยาที่มีสารพิษและขวดสารพิษโดยไม่พบเข็มฉีดยาด้วย จำเลยจึงไม่สามารถฉีดสารพิษเข้าสู่ภายในตัวกระบือได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่ถึงขั้นลงมือกระทำความผิด และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยพยายามฉีดสารพิษให้กระบือของผู้เสียหาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเพียงแต่จับเชือกที่ผูกกระบือและกระบอกฉีดยาไม่มีเข็มฉีดยา ฟ้องโจทก์จึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้จากทางพิจารณาในสาระสำคัญต้องยกฟ้องนั้น เห็นว่า คำว่า “ฉีด” ตามพจนานุกรม ให้ความหมายไว้ว่า “ใช้กำลังอัดหรือดันของเหลวพุ่งออกจากช่องเล็ก ๆ” ดังนั้น กระบอกฉีดยาที่ไม่มีเข็มฉีดยา ก็สามารถฉีดของเหลวเข้าสู่ร่างกายกระบือ ทางปากหรือทางทวารได้ และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีกระบอกฉีดยาบรรจุสารพิษไว้แล้ว และจำเลยกำลังจับเชือกที่ผูกกระบือของผู้เสียหายซึ่งพร้อมที่จะลงมือฉีดสารพิษใส่เข้าไปในตัวกระบือ การกระทำของจำเลยดังนี้ใกล้ชิดต่อผลแห่งการทำให้เสียทรัพย์ถือว่าเป็นการลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะผู้เสียหายมาพบและเข้าขัดขวางเสียก่อน และเมื่อศาลฎีกาฟังว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาดังกล่าวถือว่าจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน.

Share