คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9692/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 271, 272, 273 และ พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 108 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ประทับฟ้องเฉพาะข้อหาความผิดตาม ป.อ. มาตรา 271 ซึ่งมิใช่ความผิดอันยอมความได้ที่โจทก์ในฐานะผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์หรือฟ้องคดีภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด และความผิดตามมาตราดังกล่าวมีระวางโทษ จำคุกกว่า 1 ปี ถึง 7 ปี จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 95 (3) โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2541 ดังนี้ เมื่อนับถึงวันที่ 9 เมษายน 2542 อันเป็นวันฟ้องแล้วยังไม่เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 271, 272 และ 273 พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 108 และให้จำเลยรับคืนสินค้าทั้งหมด กับคืนเงินจำนวน 54,440 บาท ให้แก่โจทก์
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาความผิดตาม ป.อ. มาตรา 271 ประทับฟ้องในข้อหาดังกล่าว ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ ส่วนข้อหาแพ่งจำเลยให้การว่า จำเลยมิได้กระทำละเมิดโดยการหลอกลวงโจทก์ให้ ซื้อสินค้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 271 ลงโทษปรับ 3,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29 และ 30 กับให้จำเลยชำระเงิน แก่โจทก์จำนวน 55,440 บาท โดยรับมอบเครื่องพิมพ์ดีดจำนวน 12 เครื่อง คืนไปทั้งหมด ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า… ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายซึ่งมีอำนาจฟ้องจำเลย เนื่องจากคำสั่งและเงินที่ซื้อเครื่องพิมพ์ดีดเป็นของบริษัทอินทีวร กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็น เจ้าของโรงเรียนบริหารธุรกิจภาคใต้ โจทก์ในฐานะผู้จัดการโรงเรียนดังกล่าวเพียงแต่ทำหน้าที่จัดหาเครื่องพิมพ์ดีดให้เท่านั้น ความต้องการเครื่องพิมพ์ดีดและเงินไม่ใช่ของโจทก์แต่เป็นของบริษัทอินทีวร กรุ๊ป จำกัด โจทก์ไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายซึ่งมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง ในข้อนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางฟังข้อเท็จจริงว่าตามวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง โจทก์ได้ไปที่ร้านของจำเลยและ ซื้อเครื่องพิมพ์ดีดใช้แล้วจากจำเลยจำนวน 12 เครื่อง เพื่อจะนำไปใช้สอนในโรงเรียนบริหารธุรกิจภาคใต้ โดยโจทก์ได้ชำระราคาแก่จำเลยครบถ้วนแล้ว ตามใบรับเงินชั่วคราวหาได้ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ในฐานะผู้จัดการโรงเรียนเพียงแต่ทำหน้าที่จัดหาเครื่องพิมพ์ดีดให้เท่านั้นและเงินที่ซื้อเป็นของบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนไม่ใช่ของโจทก์ดังที่จำเลยอุทธรณ์ไม่ ดังนี้ อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับฟังมาว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อสินค้าตามคำฟ้อง โดยจำเลยเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ซื้อ จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอันเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและ การค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 39 และ 41
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าคดีอาญาของโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์มิได้นำคดีมาฟ้องภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้ว่าเครื่องพิมพ์ดีดชำรุดเสียหายและรู้ตัวผู้กระทำความผิดนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและ การค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ประทับฟ้องเฉพาะข้อหาความผิดตาม ป.อ. มาตรา 271 ซึ่งมิใช่ความผิดอันยอมความได้ที่โจทก์ในฐานะผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์หรือฟ้องคดีภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและ รู้ตัวผู้กระทำความผิดนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ประทับฟ้องเฉพาะข้อความผิดตาม ป.อ. มาตรา 271 ซึ่งมิใช่ความผิดอันยอมความได้ที่โจทก์ในฐานะผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์หรือฟ้องคดีภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดดังที่จำเลยอุทธรณ์ความผิดตามมาตรา 271 ดังกล่าวเป็นความผิดที่มีระวางโทษจำคุกกว่า 1 ปี ถึง 7 จึงมีอายุความ 10 ปี นับแต่วันกระทำความผิด ตาม ป.อ. มาตรา 95 (3) โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2541 ดังนี้ เมื่อนับถึงวันที่ 9 เมษายน 2542 อันเป็นวันฟ้องแล้วยังไม่เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความอุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share