คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4008/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง เช่าซื้อ ค้ำประกัน ++
++ จำเลยฎีกา ++
++ ศาลฎีกาพิพากษา …
++
++ คำพิพากษาสั่งออก – รอย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
โจทก์มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันจนเสร็จการ ถึงแม้ว่าผู้รับมอบอำนาจจะเคยฟ้องจำเลยในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ ขาดนัดพิจารณา จึงยังไม่เสร็จการตามที่ได้มอบอำนาจไว ดังนั้น ผู้รับมอบอำนาจจึงอาศัยหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวมาฟ้องจำเลยใหม่ในมูลหนี้รายเดียวกันได้ ไม่จำต้องทำหนังสือมอบอำนาจใหม่

ย่อยาว

เรื่อง เช่าซื้อ ค้ำประกัน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ ๒๒ เดือน ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗
ศาลฎีกา รับวันที่ ๑๓ เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๔ จำเลยที่ ๑ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ๙ ฉ – ๔๒๙๐ กรุงเทพมหานครจากโจทก์ในราคา ๕๗๗,๖๓๒ บาท ตกลงชำระเป็นรายเดือน รวม ๔๘งวด งวดละ ๑๒,๐๓๔ บาท โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาตั้งแต่งวดที่ ๓ ซึ่งต้องชำระในวันที่๓ พฤษภาคม ๒๕๓๔ สัญญาเช่าซื้อเลิกกัน โจทก์ได้รถยนต์คืนเมื่อวันที่ ๑๑ธันวาคม ๒๕๓๔ ในสภาพชำรุดทรุดโทรม โจทก์เสียหายขาดประโยชน์ที่จะได้ใช้รถยนต์พิพาท คิดเป็นค่าเช่าเดือนละ ๖,๐๐๐ บาท จนถึงวันยึดรถยนต์คืนเป็นเงิน ๔๙,๔๐๐ บาท โจทก์นำรถยนต์ออกประมูลขายได้เงิน๒๗๖,๐๐๐ บาท ราคายังขาดอยู่อีก ๒๗๗,๕๖๔ บาท รวมเป็นเงิน๓๒๖,๙๖๔ บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี นับแต่วันยึดรถยนต์คืนถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย ๗๕,๒๐๑ บาท รวม ๔๐๒,๑๖๕ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๔๐๒,๑๖๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ในต้นเงิน ๓๒๖,๙๖๔ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้นางสาวทิพวรรณ บุรินทราภิบาล นางสาวอรุณี ไพรอร่ามคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีนี้แทน เพราะหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ ได้นำไปใช้ในการดำเนินคดีระหว่างโจทก์และจำเลยนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและคดีดังกล่าวได้ถึงที่สุดไปแล้ว รถยนต์พิพาทมีราคา๕๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ จ่ายเงินสดไป ๑๓๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ๓๘๐,๐๐๐ บาท ได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์ โจทก์ยึดรถยนต์คืนไปในสภาพเรียบร้อยสมบูรณ์ จำเลยที่ ๒ รับผิดไม่เกิน ๗๙,๙๓๒ บาท โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระเกิน ๖ เดือน จึงขาดอายุความ โจทก์ไม่ได้ให้เช่ารถยนต์พิพาท จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์และค่าเช่าไม่เกินเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยตามฟ้องเพราะต้องห้ามตามกฎหมาย และโจทก์ผ่อนเวลาให้จำเลยที่ ๑ ดังนั้นจำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน๑๖๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑,๔๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยที่ ๒ฎีกาในข้อกฎหมายว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะผู้รับมอบอำนาจโจทก์ที่มาฟ้องจำเลยที่ ๒ เป็นคดีนี้ได้เคยฟ้องจำเลยที่ ๒ ในมูลหนี้รายเดียวกันกับคดีนี้มาครั้งหนึ่งแล้วในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๐๒๕/๒๕๓๖ ของศาลชั้นต้น โดยในการฟ้องคดีดังกล่าวผู้รับมอบอำนาจได้อาศัยหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.๒ ซึ่งเป็นหนังสือมอบอำนาจเฉพาะคดีฟ้องจำเลยที่ ๒ ไปแล้ว ผู้รับมอบอำนาจจึงไม่สามารถนำมาใช้ฟ้องคดีนี้ได้อีก นอกเสียจากจะได้รับมอบอำนาจใหม่เท่านั้น จำเลยที่ ๒ ได้ให้การต่อสู้มาและยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องดังกล่าวซึ่งเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นตั้งเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจำเลยที่ ๒ ได้ยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องตามที่ฎีกามาซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นว่ากล่าวมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยที่ ๒ จะมิได้อุทธรณ์โดยตรงแต่ได้ยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ คดีจึงมีประเด็นตามคำแก้อุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยให้ เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปทีเดียว ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.๒ ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ เป็นต้นไปจนเสร็จการซึ่งถึงแม้ว่าผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้งสองจะเคยฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่๔๐๒๕/๒๕๓๖ ของศาลชั้นต้นมาครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ในคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ขาดนัดพิจารณา กรณีจึงยังไม่เสร็จการตามที่ได้มอบอำนาจไว้ ดังนั้น การที่ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้งสองได้อาศัยหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวที่เคยฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๐๒๕/๒๕๓๖ ของศาลชั้นต้นมาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ใหม่ภายในกำหนดอายุความ ในข้อหาผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันอันเป็นมูลหนี้รายเดียวกัน ย่อมเป็นการฟ้องตามข้อกำหนดของหนังสือมอบอำนาจ ไม่จำต้องทำหนังสือมอบอำนาจใหม่โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share