คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3741/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใบรับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นแบบพิมพ์ของทางราชการ มีข้อความว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลใดไว้ บุคคลนั้นเกิดวันเดือนปีใดตลอดจนรายละเอียดของทะเบียนบ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ กับมีข้อความว่าใบรับนี้ให้ใช้ได้เสมือนบัตรประจำตัวประชาชน และลงชื่อพนักงานเจ้าหน้าที่และประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ รวมทั้งมีลายมือชื่อผู้ยื่นคำร้องด้วย แม้ข้อความที่เจ้าพนักงานกรอกลงไว้เกี่ยวกับชื่อสกุล วันเดือนปีเกิดและทะเบียนบ้านของผู้ขอมีบัตรประจำตัวประชาชนจะไม่ได้ความว่าจำเลยกับพวกเป็นผู้บอกให้เจ้าพนักงานบันทึก แต่รายละเอียดดังกล่าวก็ตรงกับที่จำเลยกับพวกได้ระบุไว้ในคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งเป็นเท็จ เท่ากับว่าจำเลยกับพวกเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความดังกล่าวนั้น โดยเหตุที่ใบรับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนนี้ให้ใช้ได้เหมือนบัตรประจำตัวประชาชน เอกสารดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นหลักฐาน การกระทำของจำเลยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการที่มีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน อาจทำให้นายธีระ พรชูตรง กับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานและประชาชนเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗, ๒๖๗, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๗ และ ๒๖๗ เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๖๗ อันเป็นบทหนัก จำคุก ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยเป็นกำนันตำบลโนนหนามแท่ง อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี นายจวน สุขชัย เป็นบิดาของนายบุญสวน สุขชัย คนทั้งสองมีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ ๖ หมู่ที่ ๒ ตำบลโนนหนามแท่ง ซึ่งทะเบียนบ้านดังกล่าว (ฉบับเจ้าบ้าน) มิได้สูญหาย จำเลยรู้จักนายจวน สุขชัย กับนายบุญสวน สุขชัย ลูกบ้าน จำเลยได้พาคนอื่นซึ่งจำเลยรู้ว่าไม่ใช้นายบุญสวนสุขชัย ไม่ติดต่อขอทำบัตรประจำตัวประชาชนที่ที่ว่าการอำเภอในนามของนายบุญสวน สุขชัย เริ่มตั้งแต่ไปแจ้งว่าทะเบียนบ้านของนายบุญสวน สุขชัย ฉบับเจ้าของบ้านสูญหาย เมื่อได้หลักฐานการรับแจ้งว่าทะเบียนบ้านสูญหายแล้วก็ขอคัดสำเนาทะเบียนบ้าน เมื่อได้สำเนาทะเบียนบ้านแล้วจำเลยก็หาบุคคลที่อ้างชื่อว่านายบุญสวน สุขชัย ไปยื่นคำขอทำบัตรประจำตัวประชาชน และเมื่อเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เสร็จแล้วก็ออกใบรับบัตรประจำตัวประชาชนให้ไว้เป็นหลักฐาน พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวมาแล้วนี้เป็นการร่วมกระทำการกับพวกของจำเลยโดยชัดแจ้ง การที่จำเลยกับพวกแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่า พวกของจำเลยเป็นนายบุญสวน สุขชัย และทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านของนายบุญสวน สุขชัย สูญหาย ขอให้เจ้าพนักงานรับแจ้งเพื่อจะใช้เป็นหลักฐานในการขอคัดสำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนให้พวกของจำเลยในนามของนายบุญสวน สุขชัย และได้ยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวในนามนายบุญสวน สุขชัย เป็นที่เห็นได้ว่าอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ส่วนความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการนั้น พิเคราะห์สำเนาใบรับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนเอกสารหมาย จ.๓ แล้ว ปรากฏว่าเป็นแบบพิมพ์ของทางราชการ มีข้อความว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลใดไว้ บุคคลนั้นเกิดวันเดือนปีใดตลอดจนรายละเอียดของทะเบียนบ้านที่บุคคลนั้นมีชื่ออยู่ กับมีข้อความว่าใบรับนี้ให้ใช้ได้เสมือนบัตรประจำตัวประชาชน ลงชื่อพนักงานเจ้าหน้าที่และประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญรวมทั้งมีลายมือชื่อผู้ยื่นคำขอด้วย เห็นว่า แม้ข้อความที่เจ้าพนักงานกรอกลงไว้เกี่ยวกับชื่อ ชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด และทะเบียนบ้านของผู้ขอมีบัตรประจำตัวประชาชน จะไม่ได้ความว่าจำเลยกับพวกเป็นผู้บอกให้เจ้าพนักงานบันทึก แต่รายละเอียดดังกล่าวก็ตรงกับที่จำเลยกับพวกได้ระบุไว้ในคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งเป็นเท็จ น่าเชื่อว่าเจ้าพนักงานคงคัดลอกมาจากคำขอดังกล่าว ย่อมถือได้เท่ากับว่าจำเลยกับพวกเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความดังกล่าวนั้นและโดยเหตุที่ใบรับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนนี้ให้ใช้ได้เสมือนบัตรประจำตัวประชาชน เอกสารดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน การกระทำของจำเลยจึงน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๗ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share