คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3299/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้คัดค้านแล้ว ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1608 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนางจ่าง กุลย่อย ผู้ตาย ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมและตั้งผู้จัดการมรดกไว้ มีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดก ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลห้องห้ามตามกฎหมายมิให้เป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ ๑ เป็นบุตรของผู้ตาย ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกของตนให้แก่ผู้คัดค้านที่ ๑ แต่เพียงผู้เดียวและตั้งให้ผู้คัดค้านที่ ๒ เป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องไม่ใช่ทายาทและผู้มีส่วนได้เสียในมรดกรายนี้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว เชื่อว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ผู้คัดค้านที่ ๑ และตั้งให้ผู้คัดค้านที่ ๒ เป็นผู้จัดการมรดก จึงมีผลทำให้ผู้ร้องถูกตัดมิให้รับมรดกมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีฟังได้ว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ร.ค.๑ยกทรัพย์มรดกทั้งหมดของผู้ตายให้แก่ผู้คัดค้านที่ ๑ และตั้งผู้คัดค้านที่ ๑เป็นผู้จัดการมรดก และพินัยกรรมดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย และเมื่อฟังว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้คัดค้านที่ ๑ แล้ว ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๐๘ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลล่างทั้งสองที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share