คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3078/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ได้รวมตัวก่อตั้งขึ้นเป็นชมรมเรียกว่าชมรมธนาคาร มีวัตถุประสงค์ควบคุมการทำงานของธนาคารให้อยู่ในระเบียบแบบแผนและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ทุก ๆ ปีชมรมธนาคารจะจัดงานขึ้นปีใหม่เลี้ยงพนักงานของธนาคารเพื่อให้พนักงานของธนาคารซึ่งเป็นสมาชิกได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจของธนาคาร การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรมธนาคารต้องได้รับอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ก่อน ฉะนั้น การที่ จ. ผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกของชมรมธนาคาร ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 กลับจากงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ของชมรมธนาคารโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย ย่อมถือได้ว่า จ. ได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย
คำฟ้องของโจทก์ตอนท้ายกล่าวเพียงว่า ภายหลังที่รถยนต์ของโจทก์ถูกชนแล้ว ทำให้รถยนต์ของโจทก์ไม่สามารถนำมาใช้ได้เท่านั้นมิได้อ้างเหตุเพราะถูกชนเสียหาย ฉะนั้น ที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์ใช้รถไม่ได้เพราะเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้ จึงไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน ๘ ง – ๑๓๙๔ กรุงเทพมหานคร และเป็นนายจ้างของนายเจริญ สุพรรณพงศ์ซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ ๑ สาขาชะอำ จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เป็นทายาทผู้รับมรดกของนายเจริญเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๕ นายเจริญได้ขับรถยนต์เก๋งของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังด้วยความเร็วสูงล้ำเส้นทางเดินรถยนต์บรรทุกของโจทก์ หมายเลขทะเบียน ๘๐ – ๑๒๐๑ ชุมพร ที่แล่นสวนทางมา เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวชนกัน รถยนต์บรรทุกของโจทก์ได้รับความเสียหาย สิ่งของและสินค้าที่ติดมากับรถยนต์บรรทุกเสียหายและสูญหาย รวมเป็นเงิน ๙๕,๓๕๖ บาท โจทก์ต้องเสียค่าเช่ารถยนต์บรรทุกของบุคคลอื่นบรรทุกขนส่งสินค้าแทนรถยนต์บรรทุกของโจทก์เป็นเวลา ๑๑ เดือน เดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น ๓๑๔,๓๕๖ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย ๓๑๕,๓๕๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า โจทก์ไมใช่เจ้าของรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ เหตุเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับรถยนต์บรรทุกของโจทก์เพียงผู้เดียวในขณะเกิดเหตุนายเจริญอยู่นอกเวลางานและนอกทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ สิ่งของและสินค้าตามฟ้อง ขณะเกิดเหตุไม่มีอยู่ในรถยนต์บรรทุก ค่าเสียหายสูงเกินความเป็นจริง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ให้การทำนองเดียวกับจำเลยที่ ๑ และปฏิเสธว่า จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ไม่ใช่ทายาทผู้รับมรดกของนายเจริญ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกบริษัทประกันภัยศรีเมือง จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การปฏิเสธทำนองเดียวกับจำเลยอื่น และให้การว่า จำเลยร่วมใช้เงินให้แก่บริษัทรับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์แล้วเป็นเงิน ๒๔,๐๐๐ บาท ได้มีการตกลงประนีประนอมยอมความไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยร่วม ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์จำเลยร่วมรับผิดเพียง ๒๕๐,๐๐๐ บาท เมื่อได้ชดใช้ค่าเสียหายไปแล้ว ๒๔,๐๐๐ บาท จำเลยร่วมยังคงต้องรับผิดอีกไม่เกิน ๖๒๕,๐๐๐ บาท กับฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ในฐานะผู้รับมรดกของนายเจริญ สุพรรณพงศ์ และจำเลยร่วม ร่วมกันชดใช้เงิน ๒๔๔,๑๕๖ บาท โดยให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ รับผิดไม่เกินทรัพย์มรดกของนายเจริญที่ได้รับสำหรับจำเลยร่วมให้รับผิดไม่เกิน ๒๒๒,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ และจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ในฐานะผู้รับมรดกของนายเจริญ สุพรรณพงศ์ และจำเลยร่วมร่วมกันชดใช้เงิน ๑๘๙,๑๕๖ บาท แก่โจทก์ โดยให้จำเลยร่วมรับผิดไม่เกิน ๑๒๑,๑๕๖ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในปี พ.ศ.๒๕๒๓ ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ในจังหวัดเพชรบุรี ได้รวมตัวก่อตั้งขึ้นเป็นชมรมเรียกว่าชมรมธนาคาร มีวัตถุประสงค์ควบคุมการทำงานของธนาคารให้อยู่ในระเบียบแบบแผนและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทุก ๆ ปีชมรมธนาคารจะจัดงานขึ้นปีใหม่เลี้ยงพนักงานของธนาคารทุกสาขาในจังหวัดเพชรบุรี การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรมธนาคารต้องได้รับอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ก่อนงานเลี้ยงสังสรรค์ของชมรมธนาคารที่ได้จัดขึ้นดังกล่าวก็เพื่อให้พนักงานธนาคารซึ่งเป็นสมาชิกได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจของธนาคาร และวินิจฉัยออกกฎหมายว่านายเจริญผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ ๑ สาขาชะอำ ซึ่งเป็นสมาชิกของชมรมธนาคารขับรถยนต์เก๋งของจำเลยที่ ๑ กลับจากงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ของชมรมธนาคารโดยประมาทชนรถยนต์บรรทุกของโจทก์ ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์ได้รับความเสียหาย ย่อมถือได้ว่านายเจริญได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ในฐานะนายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดกับนายเจริญชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์เก๋งคันเกิดเหตุของจำเลยที่ ๑ จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย
ส่วนที่จำเลยร่วมฎีกาว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ใช้รถไม่ได้เพราะถูกชนเสียหาย เป็นเหตุให้ต้องเช่ารถอื่นมาแทน แต่โจทก์กลับมาสืบว่า โจทก์ใช้รถไม่ได้เพราะเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้ จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็นต้องห้ามตามกฎหมายนั้นเห็นว่า ในคำฟ้องของโจทก์ตอนท้ายกล่าวเพียงว่า ภายหลังที่รถยนต์ของโจทก์ถูกชนแล้วทำให้รถยนต์ของโจทก์ไม่สามารถนำมาใช้ได้ เท่านั้น มิได้อ้างเหตุเพราะถูกชนเสียหายดังที่จำเลยร่วมยกขึ้นฎีกาแต่อย่างใด ฉะนั้น ที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์ใช้รถไม่ได้เพราะเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้ จึงไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็นอันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษายืน.

Share