คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3391/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลย พอแปลได้ว่าจำเลยมุ่งประสงค์ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้เป็นการชั่วคราว ซึ่งศาลชั้นต้นอาจใช้ดุลยพินิจสั่งให้งดการบังคับคดีได้ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้โดยอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 292 (2) ไม่เป็นการไม่ชอบหรือเกินคำขอ แต่การบังคับคดีนั้นงดได้เฉพาะการบังคับคดีที่ยังไม่ได้กระทำหรือที่จะต้องกระทำต่อไป จะงดการบังคับคดีที่ได้ปฏิบัติมาแล้วไม่ได้ เมื่อปรากฏตามรายงานการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าได้ดำเนินการยึดทรัพย์รายการที่ 1 ถึงที่ 4 และรายการที่ 5 บางส่วนมอบให้แก่โจทก์ไปแล้ว ถือว่าการบังคับคดีในส่วนนี้เสร็จแล้ว ศาลชั้นต้นจึงไม่มีอำนาจสั่งให้งดการบังคับคดีในส่วนนี้ และให้โจทก์นำทรัพย์ดังกล่าวไปติดตั้งดังเดิมอีกได้ แต่ทรัพย์รายการอื่นที่เจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่ได้ยึด ศาลชั้นต้นมีอำนาจให้งดการบังคับคดีได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อุทธรณ์ โดยขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ระหว่างไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลอุทธรณ์ภาค ๓ จะมีคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีมีเหตุอันสมควรให้งดการบังคับคดีไว้ชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๒ (๒)
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งให้งดการบังคับคดี และจำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอให้โจทก์นำทรัพย์รายการที่ ๑ ถึงที่ ๔ และทรัพย์รายการที่ ๕ บางส่วนที่โจทก์นำยึดไปแล้วไปติดตั้ง ณ ที่ทำการของจำเลยที่ ๑ ในสภาพเดิม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีมีเหตุผลเพียงพอและจำเป็นจึงให้งดการบังคับคดีของโจทก์ไว้ชั่วคราว แต่เพื่อไม่ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องเสียหายให้จำเลยทั้งสองวางเงินหรือหลักประกันจำนวน ๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันมีคำสั่ง และให้โจทก์นำอุปกรณ์การแพทย์ที่เช่าซื้อรวม ๔ รายการ ที่ได้รับมอบการครอบครองแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีไปติดตั้ง ณ สถานที่ทำการของจำเลยที่ ๑ ภายใน ๑๕ วัน เพื่อให้อุปกรณ์การแพทย์สามารถใช้งานได้ตามปกติ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยที่ ๑ ตามคำร้องฉบับลงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๔๓ พอแปลได้ว่าจำเลยที่ ๑ มุ่งประสงค์ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้เป็นการชั่วคราว ซึ่งศาลชั้นต้นอาจใช้ดุลพินิจสั่งให้งดการบังคับคดีได้ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้โดยอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๒ (๒) ไม่เป็นการไม่ชอบหรือเกินคำขอตามที่จำเลยที่ ๑ อ้าง แต่การบังคับคดีนั้นงดได้เฉพาะการบังคับคดีที่ยังไม่ได้กระทำการหรือที่จะต้องกระทำต่อไป จะงดการบังคับคดีที่ได้ปฏิบัติมาแล้วไม่ได้ เมื่อปรากฏตามรายงานการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าได้ดำเนินการยึดทรัพย์รายการที่ ๑ ถึงที่ ๔ และรายการที่ ๕ บางส่วน มอบให้แก่โจทก์ไปแล้ว ถือว่าการบังคับคดีในส่วนนี้เสร็จแล้ว ศาลชั้นต้นจึงไม่มีอำนาจสั่งให้งดการบังคับคดีในส่วนนี้ และให้โจทก์นำทรัพย์ดังกล่าวไปติดตั้งดังเดิมอีกได้ แต่ทรัพย์รายการที่ ๕ บางส่วน และรายการที่ ๖ ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียังไม่ได้ยึด ศาลชั้นต้นมีอำนาจให้งดการบังคับคดีได้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งให้จำเลยที่ ๑ วางเงินหรือหลักประกันจำนวน ๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท ต่ำไปนั้น เห็นว่า เมื่อทรัพย์ที่งดการบังคับคดีคงเหลือแต่รายการที่ ๕ บางส่วน และรายการที่ ๖ หลักประกันดังกล่าวจึงเหมาะสมแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีเฉพาะทรัพย์ตามรายการที่ ๑ ถึงที่ ๔ และรายการที่ ๕ บางส่วนที่บังคับคดีเสร็จแล้ว และยกคำขอของจำเลยที่ ๑ ที่ขอให้โจทก์นำทรัพย์ดังกล่าวไปติดตั้งตามเดิม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share