คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาค้ำประกันระบุไว้ว่า ผู้ค้ำประกันยินยอมเข้าค้ำประกันหนี้สินทุกชนิดของห้างหุ้นส่วน ส. ภายในวงเงิน ที่กำหนดไว้ในสัญญาค้ำประกันและอุปกรณ์แห่งหนี้อันมีดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทนในการไม่ชำระหนี้ ดังนั้น แม้สัญญาค้ำประกันดังกล่าวอันเป็นสัญญาหรือหนี้อุปกรณ์จะมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ ก็ต้องถืออัตราดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ในสัญญาทรัสต์รีซีทอันเป็นสัญญาหรือหนี้ประธานซึ่งห้างหุ้นส่วน ส. ทำไว้กับโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 59,136,568.86 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.50 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 22,047,909.20 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ก็ให้ยึดที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 4953 และ 4954 ตำบลสวนหลวง (หนองแขม) อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระหนี้ หากไม่พอชำระ ก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 22,047,909.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยในต้นเงิน 2 รายการ คือต้นเงินจำนวน 17,212,195.51 บาท และต้นเงินจำนวน 3,023,496 บาท โดยดอกเบี้ยในต้นเงินแต่ละรายการให้คำนวณตามอัตราต่าง ๆ ดังนี้ (1) อัตราร้อยละ 19 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 17,212,195.51 บาท นับแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2533 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2540 และในต้นเงินจำนวน 3,023,496 บาท นับแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2533 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2540 (2) อัตราร้อยละ 22 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2540 ถึงวันที่ 18 กันยายน 2540 (3) อัตราร้อยละ 25 ต่อปี นับแต่วันที่ 19 กันยายน 2540 ถึงวันที่ 15 เมษายน 2541 (4) อัตราร้อยละ 24 ต่อปี นับแต่วันที่ 16 เมษายน 2541 ถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2541 (5) อัตราร้อยละ 22.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2541 ถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2541 (6) อัตราร้อยละ 22 ต่อปี นับแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2541 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2541 (7) อัตราร้อยละ 21.50 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2541 ถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2541 (8) อัตราร้อยละ 21.25 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2541 ถึงวันที่ 10 มกราคม 2541 (9) อัตราร้อยละ 20.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 มกราคม 2542 ถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2542 (10) อัตราร้อยละ 20.25 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2542 (11) อัตราร้อยละ 19.25 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2542 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2542 (12) อัตราร้อยละ 18.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2542 ถึงวันที่ 16 มีนาคม 2542 และ (13) อัตราร้อยละ 18.50 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 มีนาคม 2542 จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่เฉพาะดอกเบี้ยในต้นเงินทั้งสองรายการคำนวณรวมกันถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 23 เมษายน 2542) ต้องไม่เกินจำนวน 37,089,659.66 บาท (ที่ถูก 37,088,659.66 บาท ตามที่โจทก์ฟ้อง) โดยจำเลยรับผิดไม่เกินวงเงินค้ำประกันจำนวน 38,160,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่หนี้ของลูกหนี้ (ห้างหุ้นส่วนจำกัดสหพัฒน์โลหะกิจ) ตามสัญญาทรัสต์รีซีทเต็มวงเงินจำนวน 38,160,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระ ให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามโฉนดที่ดินเลขที่ 4953 และ 4954 ตำบลสวนหลวง (หนองแขม) อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ในวงเงินจำนวน 8,000,000 บาท หากขายทอดตลาดได้เงินไม่ถึงจำนวน 8,000,000 บาท ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดให้โจทก์เรียกดอกเบี้ยจากจำเลยในระหว่างผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 และมาตรา 224 วรรคหนึ่ง นับแต่วันที่หนี้ของลูกหนี้ตามสัญญาทรัสต์รีซีทเต็มวงเงินค้ำประกันจำนวน 38,160,000 บาท นั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันทุกฉบับในข้อ 1 ได้ระบุไว้ว่า ผู้ค้ำประกันยินยอมเข้าค้ำประกันหนี้สินทุกชนิดของห้างหุ้นส่วนจำกัดสหพัฒน์โลหะกิจภายในวงเงินที่กำหนดไว้ในหนังสือสัญญาค้ำประกันแต่ละฉบับและอุปกรณ์แห่งหนี้อันมีดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทนในการไม่ชำระหนี้ ดังนั้น แม้สัญญาค้ำประกันดังกล่าวอันเป็นสัญญาหรือหนี้อุปกรณ์จะมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ ก็ต้องถืออัตราดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ในสัญญาทรัสต์รีซีทอันเป็นสัญญาหรือหนี้ประธานซึ่งห้างหุ้นส่วนจำกัดสหัฒน์โลหะกิจทำไว้กับโจทก์ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าสัญญาค้ำประกัน มิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยชัดแจ้ง โจทก์ไม่อาจเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่าอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี มานั้น จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะดอกเบี้ยระหว่างผิดนัด ให้จำเลยชำระแก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 17 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 17,212,195.51 บาท นับแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2533 จนถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2536 และในต้นเงินจำนวน 3,023,496 บาท นับแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2533 จนถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2536 หลังจากนั้นจึงให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ต่อไปในอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสำหรับลูกค้าทั่วไป ตามประกาศ เรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ ในชุดเอกสารหมาย จ.16 รวม 16 ฉบับ คือ ฉบับลงวันที่ 15 ธันวาคม 2536 ฉบับลงวันที่ 10 มีนาคม 2538 ฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 2539 ฉบับลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2540 ฉบับลงวันที่ 1 สิงหาคม 2540 ฉบับลงวันที่ 19 กันยายน 2540 ฉบับลงวันที่ 10 เมษายน 2541 ฉบับลงวันที่ 20 ตุลาคม 2541 ฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2541 ฉบับลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2541 ฉบับลงวันที่ 11 ธันวาคม 2541 ฉบับลงวันที่ 29 ธันวาคม 2541 ฉบับลงวันที่ 27 มกราคม 2542 ฉบับลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2542 ฉบับลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2542 และฉบับลงวันที่ 15 มีนาคม 2542 กับฉบับที่โจทก์จะประกาศต่อ ๆ ไปหลังวันฟ้อง ตามช่วงระยะเวลาที่ประกาศดังกล่าวแต่ละฉบับมีผลใช้บังคับ บวกด้วย 0.25 ทุกอัตรา จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยผิดนัดผิดสัญญาตามประกาศธนาคารโจทก์แต่ละฉบับ และอัตราดอกเบี้ยหลังวันฟ้องต้องไม่เกินกว่าอัตราร้อยละ 18.50 ต่อปี ตามที่โจทก์ฟ้อง โดยไม่จำต้องคำนึงถึงวงเงินค้ำประกัน กับดอกเบี้ยคิดคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน 37,088,659.66 บาท ตามที่โจทก์ฟ้อง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

Share