แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์มีหน้าที่ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินแทนกรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า เมื่อจำเลยเรียกเก็บภาษีเกินไป จำเลยก็หามีสิทธิที่จะยึดเงินส่วนที่เกินไว้โดยไม่ต้องคืนให้แก่ผู้มีสิทธิในเงินนั้นไม่เมื่อโจทก์อ้างว่าเป็นผู้ชำระเงินส่วนที่เกินนั้นไป แม้โจทก์จะมิใช่ผู้รับการประเมินและมิได้เป็นผู้ขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ โจทก์ก็มีสิทธิเรียกเงินส่วนที่เกินนั้นคืนได้
ตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฉบับ พ.ศ. 2523-2537 ระหว่างโจทก์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์มีหน้าที่ต้องสร้างโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า ฉะนั้นมูลค่าของโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 ที่โจทก์ก่อสร้างตามสัญญาแล้วยกกรรมสิทธิ์ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับจากการที่ให้โจทก์เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2 ด้วย ดังนั้น เมื่อค่ารายปีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักในการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นค่ารายปีที่คำนวณเทียบเคียงได้กับค่าเช่าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่าได้รับในการให้เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ 2การประเมินของเจ้าพนักงานที่แจ้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจึงเป็นการประเมินที่ชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และมีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินแทนผู้ให้เช่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้แจ้งการประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๐ สำหรับโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ เลขที่ ๘๒ หมู่ ๓ ตำบลบางคูวัดอำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่โจทก์ก่อสร้างแล้วยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่กรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์เห็นว่าการประเมินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมยื่นคำร้องต่อจำเลยขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ จำเลยมีคำชี้ขาดว่าการประเมินดังกล่าวชอบแล้ว จึงขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของจำเลย และกำหนดค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ใหม่ และให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีส่วนที่โจทก์ชำระเกินไปแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้รับการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทั้งมิใช่ผู้ร้องขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ จึงไม่มีอำนาจฟ้องการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่และคำชี้ขาดการประเมินถูกต้องแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องและเห็นว่าสัญญาเช่าที่ดิน ๔๓ โฉนด เพื่อก่อสร้างโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ เป็นการเช่าที่ดินและโรงเรือนของโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ ด้วย ค่าเช่าตามสัญญาจึงเป็นค่าเช่าตามนัยมาตรา ๘ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ที่ต้องนำมาเป็นหลักคำนวณค่ารายปี เฉลี่ยแล้วปีละ ๓๘๕,๙๔๑.๖๐ บาทคำนวณเป็นภาษีโรงเรือนและที่ดินได้เป็นเงิน ๔๘,๒๔๒.๗๐ บาท อันเป็นค่าภาษีที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลย พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำชี้ขาดการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ ประจำปี ๒๕๓๐ โดยกำหนดค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินดังกล่าวเป็นเงิน ๔๘,๒๔๒.๗๐ บาท ให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินส่วนที่โจทก์ชำระเกินไป จำนวน ๒,๒๒๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ภายใน ๓ เดือน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นต้นไป มิฉะนั้นให้จำเลยเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวน๒,๒๒๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันครบกำหนด ๓ เดือน เป็นต้นไปจนกว่าจะคืนเงินค่าภาษีแก่โจทก์เสร็จ คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม โจทก์มีหน้าที่ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินแทนกรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า และจำเลยยอมรับเงินที่แจ้งประเมินไปจากโจทก์แล้ว หากจำเลยเรียกเก็บภาษีเกินไป จำเลยก็หามีสิทธิที่จะยึดเงินส่วนที่เกินไว้โดยไม่ต้องคืนให้แก่ผู้มีสิทธิในเงินนั้นไม่ เมื่อโจทก์อ้างว่าเป็นผู้ชำระเงินส่วนที่เกินนั้นไปแม้โจทก์จะมิใช่ผู้รับการประเมิน และมิได้เป็นผู้ขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ โจทก์ก็ย่อมเรียกเงินส่วนที่เกินนั้นคืนได้และตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขัน ฉบับ พ.ศ. ๒๕๒๓-๒๕๓๗ระหว่างโจทก์กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ข้อ ๑๐-๑๒ โจทก์มีหน้าที่ต้องสร้างโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ ที่ตำบลบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้ให้เช่า ฉะนั้น มูลค่าของโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ที่โจทก์ก่อสร้างตามสัญญาแล้วยกกรรมสิทธิ์ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับจากการที่ให้โจทก์เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ ด้วย คดีได้ความว่าอาคารโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ กับเครื่องจักรอันเป็นอุปกรณ์ในการผลิตมีราคารวมกัน ๑,๘๐๐ ล้านบาทเศษ เมื่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้โจทก์เช่าโรงงานสุราบางยี่ขันมีกำหนด ๑๕ ปี การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งการประเมินและผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีชี้ขาดให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมผู้รับประเมินชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน สำหรับโรงงานสุราบางยี่ขันแห่งที่ ๒ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๐โดยกำหนดค่ารายปีเป็นเงิน ๑๘,๑๙๕,๙๔๑.๖๐ บาท เป็นค่าภาษี๒,๒๖๘,๒๔๒.๗๐ บาท ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งการประเมินไปจึงเป็นการประเมินและคำชี้ขาดที่ชอบด้วยกฎหมายเพราะค่ารายปีที่ใช้เป็นหลักในการประเมินภาษีเป็นค่ารายปีที่คำนวณเทียบเคียงได้กับค่าเช่าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับในการให้เช่าโรงงานสุราบางยี่ขัน แห่งที่ ๒ ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับปัญหาข้อนี้มา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์