แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายอำเภอมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตำบล (คชก.) ในท้องที่ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 14(2)
โจทก์ผู้เช่าที่นามีกรณีพิพาทกับเจ้าของที่นา และอยู่ระหว่างคชก. ตำบลกำลังจะพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทดังกล่าว จำเลยในฐานะนายอำเภอทำหนังสือถึงประธาน คชก. ตำบล แจ้งว่าโจทก์กับเจ้าของที่นาได้ตกลงยอมความในเรื่องที่พิพาทต่อหน้าศาลแล้ว ขอให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ประธานคชก. ตำบลจึงทำหนังสือถึงโจทก์แจ้งให้ทราบว่าจำเลยมีหนังสือให้สั่งโจทก์ออกไปจากที่นาพิพาทและคืนนาให้เจ้าของเป็นเหตุให้โจทก์ออกไปจากที่นาพิพาท ดังนี้ เป็นกรณีที่จำเลยมีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบลโดยตรง และข้อความในหนังสือก็เป็นการกล่าวถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาที่เกิดขึ้นในศาลตามความเป็นจริงโดยสุจริตอันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของ คชก. ตำบลให้เป็นไปโดยถูกต้องเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่านาจาก พ. ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ จำเลยในฐานะนายอำเภอมีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบล มีข้อความว่า ให้โจทก์คืนนาที่เช่าแก่พ. โดยอ้างรายงานกระบวนพิจารณาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๑๒๑/๒๕๒๕ ของศาลชั้นต้น โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของ คชก.ตำบลและคำสั่งของจำเลยต่อคชก.จังหวัดแล้ว โจทก์ไม่อาจเข้าทำนาในที่นาพิพาท การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้จำเลยชำระค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า คชก.ตำบลเป็นผู้ออกคำสั่งให้โจทก์ออกจากที่นามิใช่จำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ มาตรา ๑๔(๒) บัญญัติว่า ให้นายอำเภอมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของคชก.ตำบลในเขตท้องที่การที่จำเลยซึ่งเป็นนายอำเภอท้องที่มีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบลโดยมีข้อความว่า ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตามยอมในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๑๒๑/๒๕๒๕ ซึ่งโจทก์จำเลยได้ตกลงยอมความกันต่อหน้าศาลโดย พ. แถลงว่ายินยอมให้โจทก์ทำนาได้อีก ๒ ปีนับแต่ปีนี้ ซึ่งบัดนี้ครบ ๒ ปี ตามข้อตกลงแล้วโจทก์ต้องคืนนาให้เจ้าของ เห็นได้ว่าข้อความในหนังสือดังกล่าวได้กล่าวถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงว่า โจทก์และจำเลยได้ตกลงยอมความกันต่อหน้าศาล แม้ตอนท้ายของหนังสือดังกล่าวจะมีข้อความว่าจึงเรียกมาเพื่อทราบและให้ท่านสั่งโจทก์คืนนาให้ พ.ไป และห้ามโจทก์เกี่ยวข้องอีกต่อไปนั้น ก็เป็นเรื่องที่จำเลยมีหนังสือถึงประธานคชก.ตำบลโดยตรง มิได้มีหนังสือถึงโจทก์ ทั้งการมีหนังสือดังกล่าวก็เป็นเพราะคชก.ตำบลกำลังจะพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับ พ. แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะแจ้งให้ประธานคชก.ตำบลทราบว่า โจทก์และ พ. ได้ตกลงเรื่องดังกล่าวกันต่อหน้าศาลมาแล้วอันเป็นการที่จำเลยในฐานะนายอำเภอใช้อำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของคชก.ตำบลในเขตท้องที่ให้เป็นไปโดยถูกต้องเท่านั้นแม้ความจริงจะมิใช่กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์กับ พ.ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย แต่น่าเชื่อว่าจำเลยทำหนังสือดังกล่าวโดยสุจริตการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.