แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้มือล้วงเข้าไปในช่องลมแผงลอยของผู้เสียหายที่ปิดแล้วปลดเอาพวงผงชูรส ซึ่งแขวนไว้ที่ตะปูใต้ช่องลม ขณะกำลังจะนำผ่านช่องลมออกไป น. อยู่ในแผงลอยใช้มีดฟันถูกนิ้วมือของจำเลยทำให้จำเลยต้องปล่อยพวงผงชูรส การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของจำเลยถือว่าสำเร็จแล้ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๔๕, ๔๖,๓๓๔, ๓๓๕ กับห้ามจำเลยเข้าเขตกำหนดและให้จำเลยทำทัณฑ์บนโดยมีประกันด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕(๑) วรรคแรก ให้จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันว่า เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๒๙ เวลาระหว่าง ๑๙ นาฬิกาเศษถึง ๒๐ นาฬิกา จำเลยนี้ได้ไปที่แผงลอยของผู้เสียหายซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณตลาดสุขาภิบาลนาแก คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้ลักเอาพวงผงชูรสในแผงลอยของผู้เสียหายดังที่โจทก์นำสืบหรือว่าจำเลยไปตบฝาแผงลอยของผู้เสียหายเพื่อแกล้งให้นางสาวนงเยาว์ตกใจกลัวดังข้ออ้างของจำเลย โจทก์มีผู้เสียหายและนางสาวนงเยาว์ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียหายและช่วยผู้เสียหายขายสินค้าในแผงลอยที่เกิดเหตุเบิกความว่า สินค้าในแผงลอยของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักเอาไปหลายครั้ง จึงวางแผนสืบหาตัวคนร้าย โดยในคืนเกิดเหตุผู้เสียหายปิดแผงลอยแล้วกลับไปบ้านตามปกติโดยให้นางสาวนงเยาว์ซุ่มอยู่ในแผงลอย นางสาวนงเยาว์เบิกความต่อไปว่าครั้นเวลาประมาณ ๒๐ นาฬิกา พยานเห็นมือคนลอดช่องลมเข้ามาในแผงลอยปลดเอาผงชูรสที่แขวนไว้กับตะปูช่องลมและกำลังจะผ่านช่องลมออกไป พยานจึงใช้มีดฟันถูกนิ้วมือคนร้ายแล้ววิ่งออกมาดูเห็นจำเลยยืนอยู่บนแคร่ซึ่งตั้งอยู่ใต้ช่องลมตรงที่พยานเห็นมือคนร้ายดังกล่าว จำเลยวิ่งหนีไปที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยว พยานวิ่งตามไปต่อว่าจำเลย เห็นจำเลยมีบาดแผลที่นิ้วกลางมือขวา จำเลยอ้างว่าล้อพยานเล่น และนอกจากคำของนางสาวนงเยาว์ประจักษ์พยานโจทก์ดังกล่าวแล้ว โจทก์ยังมีพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีคือนายปัญญาบุตรหาญ เบิกความว่า ขณะพยานนั่งพักที่หน้าบ้านซึ่งอยู่เยื้องกับแผงลอยของผู้เสียหาย ได้ยินเสียงของนางสาวนงเยาว์ร้องออกมาจากแผงลอยดังกล่าว จึงหันไปดูเห็นจำเลยกระโดดลงจากแคร่วิ่งไปที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวแล้วเห็นนางสาวนงเยาว์ตามไปต่อว่าจำเลยที่ร้านดังกล่าว กับมีนายดาบตำรวจพีระศักดิ์ กองแก้ว ผู้จับกุมจำเลยเบิกความว่า ขณะแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบจำเลยให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าจำเลยล้วงไปเอาผงชูรสในแผงลอยของผู้เสียหายเพื่อล้อนางสาวนงเยาว์เล่น ทั้งนายแพทย์ศิระ เที่ยงเกตุ ก็เบิกความว่าจำเลยมีบาดแผลที่เกิดจากของมีคมบริเวณหลังนิ้วกลางมือขวา ซึ่งรับกับคำเบิกความของนางสาวนงเยาว์ที่ว่า ขณะเกิดเหตุได้ใช้มีดฟันถูกนิ้วมือคนร้าย พยานโจทก์ทั้งหมดล้วนรู้จักจำเลยดีและไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะแกล้งปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ ทั้งข้อความที่พยานเหล่านั้นรู้เห็นมาก็สอดคล้องต้องกัน จึงเชื่อว่าพยานโจทก์ดังกล่าวได้เบิกความไปตามความสัตย์จริง พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคงที่จำเลยนำสืบว่า คืนเกิดเหตุจำเลยเพียงแต่ไปตบฝาแผงลอยผู้เสียหายเพื่อหลอกนางสาวนงเยาว์ให้ตกใจกลัวนั้น ร้อยตำรวจตรีสามารถพนักงานสอบสวนเบิกความว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่าได้ขึ้นไปยืนบนแคร่แล้วใช้มือเอื้อมเข้าไปในช่องลมและตบกระดาษที่แขวนอยู่ในแผงลอยของผู้เสียหายตามเอกสารหมาย จ.๖ จำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างเอกสารดังกล่าวว่าทำขึ้นโดยไม่ชอบแต่อย่างใดส่วนที่จำเลยนำสืบว่าบาดแผลที่บริเวณหลังนิ้วกลางมือขวาจำเลยได้รับมาตั้งแต่มีอายุได้ ๑๕ ปี ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งตัวจำเลยไปโรงพยาบาล จำเลยไม่มีบาดแผลดังที่แพทย์เบิกความนั้น เห็นว่าฝ่ายโจทก์นอกจากจะมีผู้เสียหาย นางสาวนงเยาว์ นายดาบตำรวจพีระศักดิ์และร้อยตำรวจตรีสามารถเบิกความยืนยันว่า จำเลยมีบาดแผลที่หลังนิ้วกลางมือขวาแล้ว นายแพทย์ศิระผู้รับตัวจำเลยมาตรวจยังเบิกความรับรองว่าจำเลยมีบาดแผลเกิดจากของมีคมที่บริเวณหลังนิ้วกลางมือขวา โดยได้ทำรายงานการตรวจไว้ตามเอกสารหมายจ.๔ ด้วย พยานหลักฐานของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้มือล้วงเข้าไปในช่องลมแผงลอยของผู้เสียหายแล้วปลดเอาพวงผงชูรสของผู้เสียหายซึ่งแขวนไว้ที่ตะปูใต้ช่องลมนั้น แม้จำเลยจะนำผงชูรสดังกล่าวออกไปไม่ได้ เนื่องจากถูกนางสาวนงเยาว์ขัดขวางใช้มีดฟันถูกนิ้วมือจำเลย เป็นเหตุให้จำเลยต้องปล่อยผงชูรสนั้นไปก็ตาม การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ของจำเลยถือว่าสำเร็จแล้วดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น