คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2102/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระราคาค่ากระแสไฟฟ้า โดยอ้างว่าจำเลยเบียดบังให้เครื่องวัดหน่วยกระแสไฟฟ้าลดน้อยลงกับเรียกค่าปรับตามสัญญาที่จำเลยได้ผิดเงื่อนไขการใช้ไฟฟ้าตามที่ตกลงไว้กับโจทก์ ไม่ใช่เป็นการฟ้องจำเลยว่าละเมิดต่อโจทก์และไม่มีกฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งมีอายุความ 10 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่ากระแสไฟฟ้าย้อนหลังและค่าปรับรวมเป็นเงิน ๖,๐๖๐,๑๕๘.๙๖ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การ ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม คดีของโจทก์ขาดอายุความ จำเลยไม่เคยเข้าไปทำการแก้ไขหรือเกี่ยวข้องกับเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าของโจทก์ ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องเรียกมานั้นสูงเกินกว่าความเป็นจริง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๖,๐๖๐,๑๕๘.๙๖ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นโรงงานทอผ้าที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการผลิตและติดต่อใช้กระแสไฟฟ้าจากโจทก์เพื่อการผลิตดังกล่าว โดยโจทก์นำเครื่องวัดหน่วยกระแสไฟฟ้าไปติดตั้งให้จำเลย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เรียกให้จำเลยชำระราคาค่ากระแสไฟฟ้า โดยอ้างว่าจำเลยเบียดบังให้เครื่องวัดหน่วยกระแสไฟฟ้าลดน้อยลงกับเรียกค่าปรับตามสัญญาที่จำเลยได้ผิดเงื่อนไขการใช้ไฟฟ้าตามที่ตกลงไว้กับโจทก์ หาใช่ว่าเป็นการฟ้องจำเลยว่าละเมิดต่อโจทก์ไม่ และไม่มีกฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ ซึ่งมีอายุความ ๑๐ ปี ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน.

Share