แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ขายฝากที่พิพาทแก่จำเลยที่ 1 แม้การขายฝากไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 แต่เมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันว่าถ้าฝ่ายโจทก์ผู้ขายไม่ไถ่คืนภายในกำหนด 2 ปี ให้ที่พิพาทตกเป็นของจำเลยที่ 1 เห็นได้ว่าฝ่ายโจทก์ได้สละสิทธิครอบครองซึ่งมีอยู่ในที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 ไว้ล่วงหน้าโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันพ้นกำหนด 2 ปีแล้ว และจำเลยที่ 1 ได้ยึดถือครอบครองที่พิพาทเพื่อตนโดยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่วันพ้นกำหนด 2 ปีเช่นกัน เมื่อที่พิพาทไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์จำเลยที่ 1 จึงได้สิทธิครอบครองนับแต่วันพ้นกำหนดนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดินนา ๑ แปลง โจทก์ครอบครองตลอดมาเดือนมกราคม ๒๕๑๗ จำเลยที่ ๑ นำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดแล้วประกาศว่าเป็นของจำเลยที่ ๑ ส่วนจำเลยที่ ๒ ได้นำที่ดินของโจทก์ไปจำนำหรือขายให้จำเลยที่ ๑ โดยมิชอบ ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และขับไล่
จำเลยที่ ๑ ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทมากว่า ๑๐ ปี โจทก์ให้จำเลยที่ ๒ นำที่พิพาทให้จำเลยที่ ๑ ทำและรับเงินไป ๔,๐๐๐ บาท มีข้อสัญญาว่าถ้าไม่คืนภายในกำหนด ๒ ปี ให้ที่พิพาทตกได้แก่จำเลยที่ ๑ ครบกำหนดแล้วไม่ไถ่คืน จำเลยที่ ๑ ครอบครองด้วยเจตนายึดถือเพื่อตนตลอดมา เดือนมกราคม ๒๕๑๗ โจทก์คัดค้านการรังวัดที่พิพาทเพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่ ๑ ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ ห้ามโจทก์กับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ เอาที่พิพาทประกันเงินกู้และให้จำเลยที่ ๑ ทำกินต่างดอกเบี้ย ไม่ได้ขายให้ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่รู้เห็นในการที่จำเลยที่ ๒ นำที่พิพาทมอบให้จำเลยที่ ๑ แล้วรับเงิน ๔,๐๐๐ บาท โดยสัญญาว่าจะไถ่คืนภายใน ๒ ปี จำเลยที่ ๑ ครอบครองที่พิพาทในฐานะทำกินต่างดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีสิทธิครอบครองที่พิพาทตามฟ้องแย้ง ห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ ๒ ขายฝากที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ ๑ แล้วไม่ไถ่คืนภายในกำหนด ๒ ปี แม้การขายฝากที่พิพาทไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อันเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ แต่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันว่า ถ้าฝ่ายโจทก์ผู้ขายไม่ไถ่คืนภายในกำหนด ๒ ปี ให้ที่พิพาทตกเป็นของจำเลยที่ ๑ เห็นได้ว่าฝ่ายโจทกได้สละสิทธิครอบครองซึ่งมีอยู่ในที่พิพาทให้จำเลยที่ ๑ ไว้ล่วงหน้าโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันพ้นกำหนด ๒ ปี และเห็นเจตนาของจำเลยที่ ๑ ว่าเมื่อพ้นกำหนด ๒ ปีแล้ว จำเลยที่ ๑ ได้ยึดถือครอบครองที่พิพาทเพื่อตนโดยเจตนาเป็นเจ้าของเช่นกัน เมื่อที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ จำเลยที่ ๑ จึงได้สิทธิครอบครองนับแต่วันพ้นกำหนดนั้น
พิพากษายืน