แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นลูกจ้างของ ส. ประจำอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง จำเลยไปที่ร้านดังกล่าวบอกโจทก์ว่าจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมดูแลอาคาร ร้านดังกล่าวต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิด จำเลยมีอำนาจรายงานผู้บังคับบัญชาให้สั่งรื้อได้ ถ้าไม่ต้องการให้รื้อ ให้โจทก์จ่ายเงินให้จำเลย 1,000 บาท โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกให้โจทก์มอบเงิน ๑,๐๐๐ บาท ให้แก่จำเลยโดยมิชอบ โดยอ้างว่านายจ้างของโจทก์ต่อเติมอาคารโดยมิได้รับอนุญาต หากโจทก์ไม่ยอมมอบเงินแก่จำเลย จำเลยจะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาออกคำสั่งให้นายจ้างของโจทก์รื้อถอนอาคาร ต่อมาจำเลยรายงานให้ผู้บังคับบัญชาของจำเลยออกคำสั่งให้รื้อถอนอาคารดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙ และ ๑๕๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นลูกจ้างนายสุริยา พงษ์สุริยา ประจำอยู่ที่ร้านพุทธประทีป จำเลยไปที่ร้านดังกล่าว บอกโจทก์ว่าจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมอาคารร้านพุทธประทีปต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง จำเลยมีอำนาจรายงานผู้บังคับบัญชาให้สั่งรื้อได้ ถ้าไม่ต้องการให้รื้อให้โจทก์จ่ายเงินจำเลย ๑,๐๐๐ บาทในวันนั้น โจทก์ตกลงจะจ่ายให้แต่ขอผลัดให้นายสุริยากลับจากต่างประเทศก่อน จำเลยว่าถ้าไม่ได้วันนั้นก็ไม่ตกลง เช่นนี้ เมื่อมีการปลูกสร้างหรือดัดแปลงต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต บุคคลที่จะถูกลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๔๗๙ และผู้ที่จะต้องรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างหรือดัดแปลงต่อเติม ได้แก่ผู้ที่ปลูกสร้าง โจทก์เป็นเพียงลูกจ้างนายสุริยา พงษ์สุริยา ผู้ปลูกสร้างหรือดัดแปลงต่อเติมอาคารดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีความผิดฐานปลูกสร้างหรือดัดแปลงต่อเติมอาคารโดยไม่รับอนุญาต และโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างหรือดัดแปลงต่อเติมนั้น ทั้งเงินที่โจทก์ตกลงจะจ่ายให้แก่จำเลยก็ไม่ใช่เงินของโจทก์ แต่เป็นเงินของร้านพุทธประทีป โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน